ทริปตะลุยหิมะ จังหวัด Iwate Japan กับ Olympus Thailand และรายการ Daisuki Samurai Japan
สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวถ่ายภาพกับทริปสุด Executive ทริปถ่ายภาพหิมะขาวๆนุ่มๆ และอากาศหนาวจัด ที่จังหวัด Iwate ประเทศญี่ปุ่น กับ Olympus Thailand และรายการ Daisuki Samurai Japan ที่จัดทริปดีงาม ๆ นี้ขึ้นมากับ Olympus Daisuki Samurai Japan Photo Taking Tour ครั้งที่ 1 แถมยัง Executive ขึ้นไปอีกเมื่อทริปนี้มีผู้ร่วมทริปคือ ” พี่หาว ต่อวงศ์ ซาลวาลา ” ทริปนี้ยิ่งน่าสนใจเพราะส่วนตัวเป็นทั้งคนขับและแฟนคลับของพี่หาวอยู่แล้ว จะพลาดได้ไง
ส่วนใครสนใจอยากจะชมเป็นแบบภาพวีดีโอ เบื่อภาพถ่ายของผมแล้ว ก็สามารถติดตามชมในรายการ Daisuki Samurai Japan ( ไดสุกิ ซามูไร เจแปน ) บนดิจิตอลทีวี
ทุกวันเสาร์ เวลา 14.30-15.00 น. ทางช่อง Bright TV (ช่อง 20 Digital box/ ช่อง 30 Cable box) ถ้าใครดูไม่ทันสามารถติดตามดูย้อนหลังได้ที่ Daisuki Samurai Japan Youtube ( https://www.youtube.com/channel/UCZDyuiKMO7Ecs8FKZ42iq-w )
ต้องบอกก่อนเลยว่าราคาทัวร์ครั้งนี้คือ จากราคา 69,900 บาท เหลือเพียง 59,500 บาท สำหรับทริป 20 กพ.-26 กพ. ครั้งนี้ เห็นแว๊บแรกเลยคือ ราคาแพงจรุง ก็เพราะญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้ไปเองง่ายๆแล้วไง เข้าออกก็ง่ายละ ทำไมจะราคานี้ แต่พอเอาเข้าจริงกับสิ่งที่ได้ไปสัมผัสมา บอกเลยว่าราคานี้ไม่แพง เพราะแต่ละที่ที่ไปของจังหวัด Iwate เป็นที่หลักๆและเด็ดๆของที่นี่ทั้งนั้น บางที่การไปหรือการติดต่อค่อนข้างจะยากในการจอง แต่ครั้งนี้ทั้งทริปเราไม่ต้องทำอะไรเลย พกร่างและวิญญาณไปอย่างเดียว ไม่ใช่เฉพาะที่เที่ยวนะ เครื่องบิน ที่พัก ที่กิน ที่จัดให้คือแบบว่า โอ้ยยย ถ้ามาเองจะได้แบบนี้รึเปล่า ที่พูดทั้งหมดที่ผ่านมาคือกำไรชีวิตนะ แต่เอาจริงๆ ที่ผมสนใจมากับทริปนี้ มีอยู่หลายเหตุผล
– มีทัวร์ไหนบ้างราคานี้แล้วให้เราใช้กล้อง Olympus กับเลนส์ ตัวแพงๆตามที่เราต้องการได้ทั้งทริปเลย ไม่ต้องแบกกล้องมาเอง มีกล้องให้ใช้ แถมได้ความรู้อีก
– ไปทริปนี้เพราะอยากไปเจอพี่หาว 5555
– อยากไปลองใช้กล้องโอลิมปัสดู ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้จับโอลิมปัสเลย เห็นเค้าเคลมมาว่ากล้องกับเลนส์เค้ากันน้ำ แล้วทนหนาวได้ระดับติดลบ ต้องขอมาลองให้เต็มที่ เพราะไม่ใช่กล้องเรา
– อยากไปถ่ายหิมะกับคนที่ไปด้วยถ่ายภาพเก่งๆทั้งนั้น เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการถ่ายภาพกัน
นั่นแหละฮะท่านผู้ชม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้สัมผัสกล้องโอลิมปัสเลย มาสัมผัสครั้งแรกก็ที่ญี่ปุ่นนี่แหละ เดี๋ยวภาพเป็นยังไงไว้มาดูกันเนอะ อาจจะถ่ายงูๆปลาๆ ยังไงต้องขอภัยไว้ด้วยครับ ปรับอะไรในกล้องยังไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่
ขอเปิดด้วยภาพนี้เลย เห็นภาพนี้ก็รู้ละว่าที่เค้าเคลมมันใช้ได้จริงๆ 555 ( ใครนะก็ช่างกล้าเอามาวางขนาดนี้ ) ขนาดผมไปเดินหิมะ ล้มกล้องจุ่มลงไป หิมะปิดหน้าเลนส์หมด เอาขึ้นมาปัดๆหน่อย ถ่ายต่อได้เลย แหม๋ มันช่างอึดและทนยิ่งนัก แต่อย่าเอ็ดไปนะทางโอลิมปัสไม่รู้เรื่องว่าผมทำกล้องตกลงไปในหิมะ
ปล.
ภาพทั้งหมดในรีวิวนี้ ผมถ่ายด้วย
Olympus OM-D EM1 mark ii
M.zuiko 7-14 F2.8 pro
M.zuiko 12-40 f2.8 pro
ก่อนเราจะไปเที่ยวบ้านเมืองเค้า เรามาดูข้อมูลและประวัติของจังหวัดนี้กันก่อนเนอะ
จังหวัดอิวะเตะ (Iwate) เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ เมืองหลักคือ เมืองโมริโอกะ(Morioka) อดีตเคยเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมของภูมิภาคโทโฮคุ
ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 เกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสีนามิเข้าถล่มจังหวัดอิวะเตะซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่เกิดธรณีพิบัติภัยก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
อีกทั้งเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เกิดแผ่นดินไหวที่จังหวัดอิวะเตะและมิยางิ มีความขนาดถึงแมกนิจูด 7.2 ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน
ทริปนี้เราบินด้วยสายการบิน JAL บอกตรงๆผมชอบสายการบินนี้เป็นการส่วนตัว คือเป็นสายการบินดี ที่ผมชอบมาก มีมาตรฐาน แต่ไม่เคยจองราคาเต็มนะ นั่งเฝ้ารอเฝ้าโปรของสายการบินนี้ตลอด ที่สำคัญ JAL เป็นพันธมิตรกับ Bangkok Airways อีกตะหาก
เรานัดกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ 19.30 น.ของวันที่ 20 กพ. เครื่องออกเวลา 22.05 น. ไม่มีดีเลย์ไปลงสนามบิน ฮาเนดะ แล้วต่อเครื่องบินภายในประเทศของ JAL ไปลงสนาม Aomori Misawa กันต่อเลยครับ
พอลงจากสนามบินก็ขึ้นรถบัสที่ทางทีมงานได้เตรียมไว้รอรับ พร้อมทั้งแจกจ่ายอุปกรณ์กล้องที่เราได้เลือกว่าเราจะใช้ตัวไหนอะไรยังไงบ้าง
พอแจกจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์กันเสร็จเรียบร้อย คุณอิเคดะ Division Manager ของ Olympus Thailand ก็ได้ขึ้นมากล่าวทักทายอะไรเล็กๆน้อยๆ กับผู้ร่วมทริปครับ ส่วนเราได้กล้องมาใช้ไม่เป็นก็ปรับงูๆปลาๆ ถ่ายเล่นๆไปก่อน
ต่อมาผู้ขึ้นกล่าวคนต่อไปก็คือคุณ Okuno จากรายการ Daisuki Samurai Japan ( ไดสุกิ ซามูไร เจแปน )
ระหว่างทางที่นั่งรถบัสมา เราก็ค่อยๆนั่งเล่นกล้อง Olympus ไปครับ ลองถ่ายไปเรื่อยๆ ถามผู้เชี่ยวชาญโอลิมปัสที่ตามมาให้ความรู้กันหลายคนเลย ผมถามซะจนเค้าจะรำคานละมั้ง 555 ถามเยอะเกิน
สักพักก็มาจุดพักรถแรกกันครับ เข้าห้องน้ำกันก่อน
เรื่องเข้าห้องน้ำนี่ถือเป็นเรื่องรองเลย เรื่องหลักสำหรับการเจอหิมะวันแรกของทริป ต่างก็ถ่ายรูปกันแบบรัวชัตเตอร์กันเลยทีเดียว สมละหล่ะที่เป็นทริปถ่ายภาพ แหม๋ แวะเข้าห้องน้ำยังถ่ายรูปกัน
ขับรถมาถึงเมือง Hachimantai ของจังหวัด Iwate ก็แวะทานอาหารเที่ยงกันครับ นี่คือมื้อแรกอย่างเป็นทางการของเราสำหรับทริปนี้ ร้าน Lump
ข้าวไม่ต้องกินกันครับ หิมะตกหนักมาก หนาวมาก ขอถ่ายรูปก่อน
ทุกคนเตรียมพร้อมละครับ สิ่งที่จะทำให้เราวางกล้องได้ก็คือช้อน ตะเกียบ ส้อม นี่แหละเนอะ
คือผมเห็นพี่ทั้ง 2 ทานกัน ก็รู้ละครับว่าร้านนี้รสชาติเป็นยังไง
ส่วนของผมมาละครับ คือจะมีเมนูให้เราเลือกบนรถแต่แรกเลยว่าเราอยากทานเมนูไหน ผมก็สุ่มๆเลือกไปอ่ะเนอะ ก็โอเคอร่อยดี แต่ญี่ปุ่นค่อนข้างติดเค็มเนอะไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า
ทานข้าวกันเสร็จ ขับรถมาสักพัก ทริปของวันนี้คือ ถ่ายภาพโดยรอบๆ ภายในเมือง Hachimantai ของจังหวัด Iwate ครับ
หนาวแค่ไหนดูภาพแล้วถามใจเธอดู
จุดต่อมาที่เราจะถ่ายภาพ เป็นจุดที่เค้าว่าเป็นหินลาวาจากภูเขาไฟ ถ้าเราโชคดีจะได้ถ่ายภาพหิมะกับภูเขาไฟ Iwate ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Towada เพราะตรงจุดนี้จะเห็นชัดมาก แต่เราโชคไม่ค่อยดีหิมะตกหนักมาก เลยเห็นแค่ฐานของภูเขาเท่านั้นเอง
ทางคุณ Okuno และทีมงานกำลังทดลองให้ดูครับว่า หิมะนั้นหนาแค่ไหน
แต่ละคนถ่ายรูปไปก็ร้อง ซี้ดดดด ไป หนาวจริงๆ หนาวจนเกินจะบรรยาย
จุดพักรถและถ่ายรูปต่อมาคือที่ Alpaca Pony Land ที่ Salad Farm ตรงนี้จะมีตัวอัลปาก้ากับม้าแคระให้เราให้อาหารได้ด้วย แต่ละคนก็ถ่ายรูปหามุมกันสนุกสนานจนลืมหนาวกันเลยทีเดียว
แล้วก็จะมีร้านขายของกินของฝากครับ ก็เป็นอีกที่ที่ทำให้เราสามารถวางกล้องลงได้เช่นเคย ของขึ้นชื่อของเค้าจะเป็นไข่ต้ม ทิ้งไข่ต้มออนเซ็นของประเทศเราไม่เห็นฝุ่น ที่นี่รสชาติจะไม่เหมือนไข่ต้มบ้านเรา ของเค้าจะนุ่มๆ เข้มข้น บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ทางทีมงานเอามาให้ลองชิม อร่อยครับ
แต่ผมเป็นคนชอบทานของหวานเลยจัดขนมปังครีมไส้สตอเบอเร้อ เอ้ย สตอเบอรี่นี่แหละ
พร้อมกับเจ้านี่ ชื่ออะไรไม่รู้เป็นภาษาญี่ปุ่นอ่ะเนอะ ตอนแรกเห็นเป็นขนมปังลูกๆลองซื้อมาทานดู กัดเข้าไปเจอครีมอุ่นๆ กับกุ้งแน่นๆเป็นตัวๆ แถมยังมีแฮมเป็นชิ้นๆอีกด้วย
เดินทางมาจุดถ่ายภาพต่อมาครับ ระแวกนี้จะมีซากุระอยู่ต้นเดียวเป็นสายพันธุ์อิปปงซากุระ ตั้งอยู่เด่นเป็นสง่าต้นเดียวโดดๆ พื้นหลังจะเป็นภูเขาไฟ Iwate เป็นแบ็คกราวด์ ช่วงหิมะอาจไม่สวยเท่าไหร่ แต่เคยเห็นภาพตอนช่วงซากุระ พื้นหญ้าเขียวขจี ข้างหลังคือภูเขาไฟ คงจะฟินไม่น้อย
ใครๆก็ต้องถ่ายกันเพราะมีต้นเดียวจริงๆครับ
น้องจูนแอบซุ่มหามุมคนเดียว
หิมะหนาแค่ไหนดูที่ขาพี่หาวได้ ตอนแรกขอถ่ายรูปพี่หาว พี่หาวคงนึกว่าผมใช้เลนส์พร็อตเทรต แต่จริงๆตอนนั้นใช้เลนส์วายอยู่
เสร็จจากการถ่ายภาพช่วงเย็นก็เข้าพักที่โรงแรม Hachimantai Resort Hotel โรงแรมดีงามมาก มีทั้งเตียงกับที่นอนฟูกแบบญี่ปุ่นเสื่อทาทามิ ห้องกว้าง แถมยังมี ออนเซ็น ให้อีก เมืองนี้ยังมีจุดเด่นเรื่องออนเซ็นที่ดีของประเทศญี่ปุ่นด้วยนะ
อาหารเย็นเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ครับ เลือกทานกันแบบไม่อั้น
เข้าสู่วันที่ 2
ขอเอาวิวนอกหน้าต่างจากห้องพักมาให้ชมกันครับ วันนี้ฟ้าเปิด กับหิมะหนาๆ นุ่มๆ ขาวๆ หน้าห้องพัก ฟินจนอยากนอนต่อ 555
เติมพลังกันก่อน กับอาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์อีกเช่นเคย วันนี้มีภาระกิจหนัก
สำหรับทริปเช้านี้ นัดรวมตัวกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า เราจะเดินเข้าไปถ่ายภาพน้ำตกที่เป็นน้ำแข็ง Nanataki กัน ต้องเดินลุยหิมะเข้าไปและกลับประมาณ 4 ชั่วโมง !!! ตอนแรกฟังแล้วก็รู้สึกชิวๆนะ แต่เดี๋ยวเรามาดูกัน
ก่อนจะเริ่มเดินเราก็ต้องเตรียมการกันก่อนครับ ชุด+รองเท้า ต้องพร้อม โดยมีคุณ มิกะ ( ผู้หญิงในภาพ ) ซึ่งเป็นตัวแทนสมาคมการท่องเที่ยวแห่งเมือง Hamachimantai คอยดูแลและให้คำปรึกษาพวกเราเป็นอย่างดีครับ และรับผิดชอบเรื่องชุดกับรองเท้าลุยหิมะให้เราทั้งหมด ทั้งที่จริงๆเราต้องเสียค่าใช้จ่ายเองนะ สุดยอดมากครับ
เมื่อได้ข้อมูลกันครบถ้วนแล้วก็เริ่มมาเลือกขนาดของรองเท้ากัน
อุปกรณ์พร้อมแล้วมารอกันที่หน้าประตูเพื่อเช็คจำนวนคน และพร้อมออกเดินทางได้
ตรงที่เราเดินไปตรงจุดนี้ยังไม่มีอะไรครับ เป็นลานสกีธรรมดา ไฮไลท์มันไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้นะ เราจะต้องเดินขึ้นไปเพื่อขึ้นกระเช้าไปอีกต่อหนึ่ง
พอมาถึงที่กระเช้าจะมีผู้สอนวิธีการขึ้นกระเช้าแบบถูกวิธีครับ ว่าจะต้องขึ้นยังไง ยกขายังไงให้ไม่โดนกระเช้าหนีบครับ เพราะกระเช้าจะเลื่อนตลอดเวลา เราต้องตามกระเช้าเอง
ลงจากกระเช้าแล้ว ใจอยากถ่ายตอนบนกระเช้ามาก วิวสวยสุดๆ แต่อุปกรณ์ที่เค้าให้มาพร้อมกับอุปกรณ์ของเราต้องถือให้มั่นครับ ห้ามทำตกตอนนั่งกระเช้าเด็ดขาด แล้วจะให้เอามือไหนถ่ายรูปเนี้ย ไม่เป็นไรๆ มาใส่รองเท้ากันให้เรียบร้อยแล้วเริ่มเข้าสู่การเดินทางที่แท้จริง
รองเท้าเป็นแบบนี้ครับ พร้อมไม้ค้ำ
วิวสวยมั้ย พอฟ้าเปิดแล้วถ่ายยังไงก็สวย ขนาดคนใช้กล้องโอลิมปัสไม่เป็นแบบผมยังถ่ายสวย 55
เริ่มออกเดินทางกันครับ
ทางที่เราจะเดินหิมะเป็นเวลาไปกลับเกือบ 4 ชม. ระยะทางประมาณ 3 กิโล เป็นในป่าแบบนี้หมดครับ
บางจังหวะบางช่วงจะเป็นเนินให้เราต้องปีนใช้ความสามารถขึ้นไป ที่สำคัญหิมะมันร่วนและลื่นมาก ทุกคนล้มลุกคลุกคลาน รองเท้าหลุด ตลอดเวลา ทางสมบุกสมบันมาก ในภาพคือน้องหลินเป็นคนแรกเลยครับที่ประเดิมออกนอกเส้นทางไปก่อน โดยมีน้องสไปรท์ช่วยด้วยสายตาห่างๆ อย่างห่วงๆ
เดินทางสักพักก็เจอเนินทางลงอีกแล้ว บางคนขี้เกียจปีนลงก็สไลด์ลงมาเลยก็มี
เชื่อมั้ยว่าการมาเดินหิมะในป่าอากาศ -7 หรือ -8 องศา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่หนาวเลย ในชุดนี่ชุ่มไปด้วยเหงื่อด้วยซ้ำอาจจะเพราะว่าเราใช้กำลังในการเดินมาก อีกทั้งชุดกับแผ่นความร้อนทั้งที่ฝ่าเท้าและแผ่นหลังที่คุณมิกะได้เตรียมไว้ให้ ถือว่ากันหนาวได้ดีมากๆ
รูปข้างล่างเป็นรูปที่ผมถ่ายมา แต่จริงๆคือแอบพักแล้วทำเป็นถ่ายรูปให้ดูเนียน จริงๆเหนื่อยครับ ถ้าลองสังเกตกันอากาศแบบนี้กล้องบางตัวขึ้น error ละครับ หนาวขนาดนี้ นี่ขนาดกล้องตกในหิมะ แล้วอากาศติดลบขนาดนี้ ยังยกขึ้นมาถ่ายได้แบบไม่มีสะดุด ก็เป็นอย่างที่ทางโอลิมปัสเค้าเคลมไว้แหละครับ เอาอยู่
เดินเข้ามาประมาณ เกือบ 2 ชม.ลงไปตรงนี้ก็จะเห็นน้ำตก Nanataki แล้วหล่ะครับ
น้ำตก Nanataki
เป็นน้ำตกที่มีความสูง 25 เมตร ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Hachimantai จังหวัด Iwate เห็นอย่างนี้อาจจะไม่เห็นถึงความสูงเท่าไหร่ เลยขอถ่ายขนาดคนมาวัดกับขนาดน้ำตกเลยแล้วกันครับ
หลังจากถ่ายภาพกันอย่างจุใจเสร็จ ก็ถึงเวลาทานข้าวกล่องที่เมื่อเช้าได้รับแจกจากทีมงานกันมา จะมีสักกี่ครั้งที่เราจะมานั่งทานข้าวกับบรรยากาศติดลบแบบนี้กันครับ จึงขอเก็บความทรงจำแบบนี้ไว้ด้วยภาพถ่ายนี่แหละ พอเราทานเสร็จก็เตรียมตัวเดินทางกลับ ก่อนจะกลับเริ่มรู้สึกหนาวจนเหมือนจะทนกันไม่ไหวเพราะหลังจากหยุดพักทานข้าวถ่ายรูปกัน อุณหภูมิความร้อนร่างกายจากเหนื่อยๆเริ่มลดลง ความหนาวก็เข้ามาแทนที่ ต้องรีบเดินกันต่อ ไม่งั้นไม่ไหวแน่ๆ
น้องอาร์ทยังสบายๆชิวๆ หนุ่มๆก็งี้แหละ
เส้นทางตอนเดินทางกลับ เริ่มรู้สึกว่า เอ๊ะ !!! ทำไมมันเดินสบายกว่าตอนขามาหว่า ทางปกติ ไม่มีต้องปิดต้องสไลด์หิมะลงมาเลย เลยมีพี่ๆใจกล้าไปถามทางคนญี่ปุ่น เค้าบอกว่า ปกติทางนี้เอาไว้เดินเข้าและออก ทางที่เราเดินมา สำหรับพวก U Special !!! ทำให้พวกเราถึงบางอ้อ ขอบคุณครับผม
เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยเลย
น้องต้าร์เป็นผู้หญิงแต่เดินชิวมาก แล้วทำไมเรา . . .
น้อง binko ล้มลงไปถึงรู้ว่า โห น้องแบกของพวกกล้องกะเลนส์มาหนักมาก เพิ่งจะรู้ตอนจะถึงที่พักแล้ว ไม่งั้นพี่คงช่วยยก ( แมนเนอะ )
ก่อนจะถึงที่หมาย เดินๆอยู่ตรงนี้ก็สวยครับ ขอสักภาพนึง
กลับมาถึงโรงแรมก็เตรียมกระเป๋าเดินทางกันต่อครับ
ยังพอมีเวลาก็ถ่ายรูปเล่นกันต่อเนอะ พี่ยักษ์(ที่แอบนั่งรถกลับมาก่อน ) กับน้องต้าร์สาวสวยแห่งโอลิมปัส
ถ่ายวิวอยู่น้องหลินก็มาขโมยซีนซะงั้น
พี่หาว คุณมิกะ คุณโอคุโน่ ขอสักแชะกับรถโรงเรียน
ก่อนจากก็มีการกล่าวอะไรสักนิดนึงครับ ต้องขอบคุณคุณมิกะและทางทีมผู้ดูแลของคนญี่ปุ่นจริงๆครับ ตอนเดินเข้าไปหิมะที่ต้องคอยดูแลพวกเรา เจอปัญหามากมาย เยอะแยะโดยเฉพาะรองเท้า ก็ดูแลกันอย่างเต็มที่ เห็นแล้วเหนื่อยแทนเลยที่ต้องดูแลแบบหมู่คณะขนาดนี้
ระหว่างทาง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทริปท่องเที่ยวของสายตากล้อง เจอวิวที่ไหนตะโกนทันที จอดๆๆๆๆ ก็วิวมันสวยอ่ะ 555 ทำไงได้เนอะ ก็ต้องลงไปสักแชะ สองแชะ นั่งในรถนานๆก็เบื่อเป็นเหมือนกันน้า และนี่คือวิวข้างทางเป็นใครก็ต้องจอดแหละว้า
จากเมือง Hachimantai เราก็เดินทางไปสถานีต่อไปคือหมู่บ้าน Tanohata ครับ และเข้าพักที่โรงแรม Hotel Regasou ( Coast side ) ห้องดีเช่นเดิมครับ นอนฟูกญี่ปุ่นพร้อมเสื่อทาทามิ + ออนเซ็น
อาหารมื้อเย็นก็ทานที่โรงแรมได้จัดไว้ให้ครับ คือทั้งเยอะ ทั้งสด สดแบบเป็นๆเลยก็มี อย่างหอยเป๋าฮื้อนี่มาเป็นๆจริงๆ มาพักโรงแรมติดทะเล ขึ้นชื่อเรื่องของทะเล คิดดูว่าของทะเลจะสดแค่ไหน
นึกว่าจะปิดท้ายกันด้วยขนมกันใช่มั้ย ป่าวเลย มีหมี่เย็นตามมาอีกชามจ้า ใครทานหมดนี่เทพมากละ
เข้าสู่วันที่ 3
ตอนเช้าเรานัดกันเวลา 05.10 น.(สำหรับอากาศหนาวๆน่านอนแบบนี้ ) เพื่อจะนั่งรถไปถ่ายจุดชมวิว Kitayamazaki จุดชมวิวแห่งนี้เป็นแหลมยื่นออกไปนอกชายฝั่งทะเลเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Sanriku เป็นหน้าผาที่มีความสูง 150-200 เมตร
เราตื่นเช้าเพื่อจะมาดักรอถ่ายภาพตอนพระอาทิตย์ขึ้นนี่แหละ เค้าว่ากันว่าพระอาทิตย์ที่นี่เวลาขึ้นจะดวงโตมาก แล้วถ้าถ่ายกับจุดชมวิวที่นี่จะสวยมากเลยทีเดียว แต่ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อนั่งรถกันมาเริ่มเห็นว่าฟ้าไม่เปิด เมฆเยอะมาก ฝนตกอีกตะหาก เลยไม่เป็นดังหวัง ไว้โอกาศหน้ามาแก้ตัวใหม่ ครั้งนี้ได้แค่นี้อ่ะเนอะ
หลังจากพลาดผิดหวังกับพระอาทิตย์เมื่อเช้าก็กลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมต่อครับ เป็นบุฟเฟ่ต์เช่นเคย
ก่อนเราจะไปทริปถ่ายรูปต่อไปคือ ทัวร์นั่งเรือประมง ( Sappa Boart Tour ) เพื่อถ่ายภาพ ก็มาฟังประวัติของที่นี่กันก่อนครับ สำหรับหมู่บ้าน Tanohata แห่งนี้ชีวิตของชาวบ้านของที่นี่จะมีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกว่าส่วนอื่นๆของประเทศ เพราะเป็นหมู่บ้านที่ถูกคั่นกลางระหว่างขอบหน้าผาที่สูงชันกับมหาสมุทรที่ลึกและกว้าง หมู่บ้านแห่งนี้จะทำเกษตรกรรมและประมงเป็นหลัก เพราะที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
แต่สิ่งที่น่ากลัวของหมู่บ้านนี้คือ ซึนามิ ทางโรงแรมได้เล่าให้ฟังว่า ที่นี่โดนค่อนข้างหนัก ปกติโดยรอบของโรงแรมจะมีบ้านเรือนของชาวบ้านอาศัยอยู่มากแต่ตอนนี้แทบไม่เหลือเลยเพราะซึนามิเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ความสูงของสึนามิครั้งล่าสุดถ้าลองกลับไปดูภาพโรงแรมที่ผมลง ทางคนญี่ปุ่นบอกว่าสึนามิมาถึงชั้น 5 ของโรงแรม ซึ่งเสียหายเป็นอย่างมาก กว่ารัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลือได้ต้องใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากละแวกนี้แทบไม่มีร้านสะดวกซื้อชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกผักทำการเกษตรและฝังอาหารเอาไว้ทานตลอดปี พอเกิดสึนามิขึ้นชาวบ้านที่บ้านรอดพ้นจากซึนามิก็นำอาหารที่ตุนไว้มาให้กับผู้ประสบภัยที่ได้รับความเดือนร้อน
ฟังแล้วก็รู้สึกหดหู่จริงๆนะ เพราะตลอดการเดินทางที่เข้ามายังที่นี่ยังหลงเหลือเศษซากจากสึนามิเมื่อ 6 ปีที่แล้วอยู่เลย จนปัจจุบันที่นี่ก็ยังบูรณะไม่เสร็จ
ฟังประวัติกันเรียบร้อยก็แจกตั๋วเพื่อขึ้นเรือกันครับ แต่มีการเปลี่ยนแผนนิดหน่อย คือตอนแรกเราจะได้นั่งเรือ Sappa ที่เป็นเรือประมงขนาดเล็กเพื่อไปถ่ายภาพกัน มีการลอดเขา ลอดถ้ำเพื่อถ่ายภาพ แต่อย่างที่รู้กันตั้งแต่เช้าว่าวันนี้ฟ้าปิด ฝนตก คลื่นลมแรงมาก ถ้าเรือเล็กออกคงอันตรายสุดๆ ซึ่งประเทศนี้ค่อนข้างซีเรียสมากๆเรื่องความปลอดภัย ทริปนี้เราจึงลงเรือใหญ่เพื่อไปถ่ายภาพกัน อาจจะไม่ได้ลอดถ้ำอะไร เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบก็ได้เนอะ
เรือลำนี้แหละครับท่านผู้ชม
วิวจะเป็นหน้าผาขนาดสูงครับ ประมาณ 150 – 200 เมตรเลยทีเดียว
เรื่องถ่ายภาพ คุณ Okuno ก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกันนะ
ตอนถ่ายนกนี่แหละ มีเรื่องเปิ่นจะเล่าให้ฟัง ก็ตอนที่ทุกคนกำลังขะมักเขม้นถ่ายนกกันอยู่นี่แหละ ไอ้เราก็เพิ่งเคยจับโอลิมปัสครั้งแรกอ่ะเนอะ ก็ไม่รู้หนิว่ากล้องเค้าอัจฉริยะมีฟังค์ชั่นถ่ายภาพเคลื่อนไหวด้วยระบบ Advance high-speed AF คือแค่นกบินเข้ามาในเฟรมกล้องจะโฟกัสที่นกให้อัตโนมัติ สำหรับผมอ่ะหรอ แพนกล้องตามแล้วโฟกัสสิครับรออะไร 555 เมนวลสุดๆ เลยได้ภาพมาเท่านี้
ถึงเวลาลงจากเรือแล้วไปถ่ายรูปที่อื่นกันต่อครับ สังเกตจากภาพ ฝนตกจ้า เป็นเม็ดฝนที่หน้าเลนส์เลย สำหรับตัวกล้องหน่ะหรอ หายห่วงกันน้ำระดับนี้ได้สบายๆ
เสร็จจากล่องเรือเราก็มาต่อกันที่จุดชมวิวหน้าผา Unosu กันต่อเลยซึ่งห่างจากจุดชมวิว Kitayamazaki ที่เราไปกันมาก่อนหน้านี้ ประมาณ 10 กิโลเมตรทางทิศใต้
การเดินทางของเราคือรถบัสมาส่งด้านนอกแล้วเราต้องเดินเข้าไปครับ ไม่ไกลมาก
จะมีทำจุดให้เราถ่ายวิวแบบสบายๆเลย
จุดเด่นของที่นี่คือ หน้าผาชายฝั่งทะเลที่มีความยาวถึง 4 กิโลเมตรเลยทีเดียว ประกอบด้วย 5 หน้าผาที่เรียงรายประติดประต่อกันเป็นระเบียบ ความสูงประมาณ 200 เมตร
บางคนก็มาถ่ายวิว บ้างก็นะ มีรู้จักใช้พร๊อพด้วย
ขอภาพหมู่สักแชะครับเพื่อยืนยันว่า พวกเรามากันแล้ว
ในเมื่อมุมวิวมีให้ถ่ายไม่เยอะ พี่หาวก็เลยจัดพร็อตเทรตซะเลย
เลยขอแจมมุมพี่หาวมาสักใบ ได้นางแบบน่ารักๆ น้อง Binko ถึงจะถ่ายห่วยแต่ภาพดูดีขึ้นมาถนัดตา
ส่วนผมไม่โปรถ่ายคนอย่างใครเค้า ก็ถ่ายหญ้าข้างทางไปก่อนละกันนะ
เสร็จจากถ่ายจุดชมวิว เราก็ออกเดินทางกันต่อครับ และมาแวะรับประมานอาหารทะเลแบบสดๆ ไม่ใช่สดธรรมดา ส๊ดสด ชื่อร้าน Kitagawa Shokudo Restaurant
ทานเสร็จก็มายืดเส้นยืดสายถ่ายรูปเล่นๆที่หน้าร้านกันครับ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเราก็เดินทางยาวกันครับเพื่อข้ามมาอีกเมืองนึง โดยใช้เวลานั่งรถมานานพอสมควร พอมาถึงโรงแรม Yamazakura-Momo no Yu ( Hot spring ) โรงแรมดี มีออนเซ็นอีกเช่นเคย พอเอาของไปเก็บที่ห้องเสร็จก็ลงมาทานอาหารเย็นของทางโรงแรมกันเลย เป็นบุฟเฟ่ต์ ต้องบอกเลยว่าดีมาก อาหารหลากหลายที่ให้พวกเราๆได้ลองชิมกัน ของทะเลตัวใหญ่ๆ โดยเฉพาะหมูชาบูที่เราสามารถทานเท่าไหร่ก็ได้ มันโดนจริงๆครับ ที่นี่พักดี อาหารดี มีออนเซ็น คอนเฟิร์ม
ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีการแสดงศิลปะแบบญี่ปุ่นขนานแท้ให้ชมภายในโรงแรมอีกด้วย จะมีโรงละครเล็กๆ ถึงเราจะฟังภาษาเค้าไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทำให้เรารู้สึกสนุก และตื่นตาตื่นใจกับการแสดงวัฒนธรรมของประเทศเค้าได้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะมุมตลกที่เค้าแทรกเข้ามา คนประเทศไหนก็เข้าใจ ประเทศไหนก็ต้องขำครับ
จังหวะนี้เลยถือโอกาสทดลองกล้องของโอลิมปัสสำหรับถ่ายในสภาพแสงน้อยเป็นอย่างไร ไฟล์ภาพยังสวยงามครับ โฟกัสเร็วแทบไม่ต่างจากถ่ายตอนแสงปกติเลย
วันที่ 4
เราตื่นเช้ามาพร้อมกับสภาพหิมะตกค่อนข้างหนักครับ อากาศหนาวจัด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ ก็ยังขอถ่ายภาพกันเป็นที่ระลึกเนอะ
เช้านี้ทางทีมงานได้พาเรามาเที่ยววัดโมสึจิ ( Motsuji Temple ) กัน ทางที่เราเดินไปจากจุดจอดรถก็น่าถ่ายภาพแล้วหล่ะครับ จริงมั้ย
วัด โมสึจิ ( Motsuji Temple ) วัดมรดกโลกของประเทศญี่ปุ่น ที่จังหวัด อิวาเตะ
เป็นวัดขนาดใหญ่ของนิกายเทนได จุดเด่นของวัดนี้คือ สวนหย่อมดินบริสุทธิ์ที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่ที่ในประเทศญี่ปุ่น เป็นสวนสไตล์ที่นิยมสร้างในสมัยยุคเฮอัน แม้ว่าอุโบสถเดิมจะถูกเผาไปแล้ว แต่อุโบสถใหม่และสวนโดยรอบยังถูกรักษาไว้อย่างดี
ทุกๆเดือน พค. ของทุกๆปีจะมีการจัดงาน ” เคียวซุซุยโนะอุตะเกะ ” และในงานพิธี ” ฮัตสึกะยะไซ ” จะจัดขึ้นในทุกๆวันที่ยี่สิบหลังวันขึ้นปีใหม่ จะมีระบำ ” ไมซือจิโนะเอ็นเน็ง ” ที่เป็นศิลปะประเพณีทรงคุณค่า
วัดนี้ถ้าใครเป็นสายชอบเที่ยววัดแบบรักความสงบ และซึมซับบรรยากาศ ที่นี่แนะนำเลยครับ
สำหรับการเดินทางมาที่นี่ สามารถมาด้วยรถไฟ JR สาย Tohoku main line มาลงที่สถานี Hiraizumi Station และเดินอีกเพียง 7 นาที
วิวด้านหน้าก่อนทางเข้าวัดครับ
จุดต่อมาที่เราจะเที่ยวกันก็คือ ล่องเรือชมวิวที่แก่งเกบิเก พอมาถึงก็มีป้ายต้อนรับอย่างอบอุ่น เป็นภาษาไทยด้วยนะ แสดงว่าที่นี่เปิดรับตลาดนักท่องเที่ยวไทยอย่างจริงจังละ ยกตัวอย่างเช่น น้องชายฝาแฝดของผม เจมส์จิ ยังมาถ่ายรายการที่นี่แล้วเลย
แก่งเกบิเก ( Geibikei ) อำเภออิจิโนเซกิ จังหวัดอิวาเตะ
หุบเขาเกบิเกเป็นอีกหนึ่งเส้นทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของจังหวัด Iwate และเป็น 1 ใน 100 ของสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำในประเทศญี่ปุ่น
เป็นการล่องเรือชมธรรมชาติที่มีหินรูปร่างแปลกตา ชั้นหินฟอสฟอรัสที่มีสายน้ำไหลผ่านทำให้เกิดเป็นแก่งที่เต็มไปด้วยใบไม้เขียวขจี ถ้าไปถูกช่วงถูกเวลาจะสามารถเห็นดอกฟูจิ ดอกยูริป่า ดอกเกบิเซกิโชว แม้กระทั่งสัตว์ต่างๆเช่น ปลาอะยู ปูแม่น้ำ ปลาฮายะ นกเซกิเร อีกาแม่น้ำ
แก่งเกบิเก สามารถมาล่องเรือได้ทุกฤดูกาล จะให้อารมณ์และความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป
วิธีการเดินทางมาที่นี่ สามารถนั่งโทโฮคุชินคังเซน มาลงที่สถานีอิจิโนเซกิ และต่อด้วยรถประจำทาง
ของจังหวัดอิวาเตะ ( 1 ชม.มีรถออก 1 ครั้งใช้เวลาเดินทาง 40 นาที )ลงที่ป้าย เกบิทานิกุจิ สายโอฟุนาโตะ ( โทโฮคุฮงเซน-อิจิโนเซกิ-ซาการิ ) สถานีเกบิเก ( จากอิจิโนเซกิป้ายที่5 ประมาณ 30 นาที ) และเดินอีก 5 นาที
พอไปถึงด้านในจะมีหินให้เราเลือกเพื่อขอพรต่างๆแล้วปาเข้าไปในช่องหน้าผา ถ้าปาเข้า พรข้อนั้นจะเป็นจริงดังที่ขอไว้ ( แต่ก่อนปาอย่าลืมดูด้วยนะครับว่าหินก้อนนั้นขอพรข้อไหนไป )
ระหว่างที่พวกเรากำลังสนุกในการปาหินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงผุ้หญิงตะโกนเข้ามา เราก็เอ๊ะเสียงอะไร ยิ่งในหุบเขาด้วย ได้ยินเสียงสะท้อนค่อนข้างดัง พอหันไปเป็นกลุ่มหญิงสาวแต่งตัวสีสันสดใส พวกเราต่างอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า ใครหว่า ? พอถามมาถามไปก็ถึงบางอ้อ ว่า อ๋อ เธอคือเนตไอดอลของจังหวัดอิวาเตะ ที่เธอตะโกนคือเธอทักทายพวกเรามาแต่ไกลเลย นิสัยน่ารักมาก อัธยาศัยดีกันสุดๆ เลยต้องขอแชะภาพไว้เป็นที่ระลึกซะแล้ว
ระยะทางการล่องเรือไปกลับประมาณ 2 ชม. เพื่อชมความสวยงามของธรรมชาติ และยังสามารถให้อาหารเป็ดได้ตามทางอีกด้วย ตอนล่องเรือกลับกัปตันเรือจะขับร้องเพลงพื้นบ้านของเกบิเกให้เราฟังด้วย
พอล่องเรือเสร็จเราก็กลับมาที่รถเพื่อทานข้าวกล่องที่ทางทีมงานได้เตรียมไว้ให้ครับ เพราะหลังจากนี้เราจะนั่งรถยาวประมาณ 5-6 ชม. เพื่อเข้าไปสู่เมืองโตเกียว
หลังจากถึงโตเกียวประมาณช่วงเย็นๆ ก็พาเราเข้าพักที่โรงแรม Hearton Hotel Higashi Shinagawa ตรงข้ามคืออิออนแหล่งช๊อปปิ้ง ส่วนใกล้ๆกันก็คือโอไดบะ มาถึงที่นี่ผมไม่ได้ถ่ายรูปเลยครับ มัวแต่ไปหาข้าวทานแล้วก็ช๊อปปิ้ง 5555
วันที่ 5
ตื่นเช้ามาทริปวันนี้วันสุดท้ายของเรา มุ่งหน้าสู่สำนักงานใหญ่ Olympus Headquarter ( Nishi-Shinjuku )
เป็นการเข้าเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของโอลิมปัสครับ และมีการกล่าวให้ข้อมูลและทักทายกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ
ลืมบอกไปว่าทริปนี้ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของทริปมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกัน ก็คือ ให้ทุกคนส่งภาพที่เราถ่ายที่ท่องเที่ยวของแต่ละวัน วันละ 1 ภาพ เพื่อให้คณะกรรมการเลือกผู้ที่ถ่ายภาพภูกใจกรรมการที่สุด 3 รางวัล โดยทั้ง 3 รางวัลนี้จะมีทางโอลิมปัสโดยคุณอิเคดะเลือก 1 ภาพ คุณ Okuno แห่ง Daisuki Samurai Japan เลือก 1 ภาพ และพี่หาวของเรา เลือก 1 ภาพ ครับ น้องอาร์ทของเราได้รางวัลกับเค้าด้วย ส่วนอีก 2 รางวัลผมไม่ได้ถ่ายมาต้องขออภัยด้วยครับ เพราะมัวแต่เสียใจ นั่งร้องไห้คนเดียว เศร้า ทุบโต๊ะด้วยอาการผิดหวังที่พลาดรางวัล เลยไม่ได้ถ่ายภาพไว้ให้ กระซิกๆ
จบจากที่สำนักงานใหญ่ของโอลิมปัส เราก็มาเดินโชว์รูมของโอลิมปัสกันต่อเลย ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสำนักงาน เดินมาแป๊บเดียว หลังจากนั้นก็ให้เราช๊อปปิ้งตามอัธยาศัยที่ชินจุกุครับ
พอถึงเวลานัดหมายก็มารวมตัวกันเพื่อเดินทางไปยังเมืองโยโกฮาม่า เพื่อไปชมงาน CP+ Camera & Photo Imaging Show 2017 ณ เมือง Yokohama ซึ่งเป็นงานแสดงกล้องที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก จัดขึ้นทุกปีที่นี่
สรุป
- สำหรับทัวร์ครั้งนี้อย่างที่บอก มองตอนแรกแบบ โอ้โห ทำไมราคาสูงจัง แต่เราก็ยังจะมานะ เพราะมีแรงดึงดูด แรงจูงใจหลายๆอย่าง แต่พอมาเข้าจริง ราคานี้บอกตรงๆ ไม่แพงเลย พักออนเซ็นเกือบทุกคืน พักดี กินดี มีเลนส์กับกล้องดีๆให้ใช้ ถ้าเรามาเองก็คงจะลำบากจริงๆแหละ
- ทริปนี้เป็นการจับมือร่วมกันระหว่าง Olympus Thailand และรายการ Daisuki Samurai Japan โดยเฉพาะคุณ Okuno แห่ง Daisuki Samurai Japan เป็นคนวางแผนท่องเที่ยวทริปนี้ขึ้นมา คือวางทริปได้ดีมากครับ อันนี้ต้องขอชมเชยเลยจริงๆ
- ส่วนเรื่องกับการจับกล้องโอลิมปัสของผมครั้งแรก บอกเลยว่าไม่ยากครับ ถ้าเราเคยจับกล้องยี่ห้ออื่นมาแล้ว การปรับการอะไรก็สบายๆ เพียงแต่ต้องหาข้อมูลและศึกษาคู่มือการใช้นิดนึง ไม่ใช่แบบผมนะไปถึงจับถ่ายเลย 555 ต้องยอมรับเลยว่า กล้อง mirrorless ของทางโอลิมปัสเค้าดีจริงๆ เรื่องการใช้งานคือทนน้ำ ทนหิมะ อึดและทนแข็งแรงบึกบึน การโฟกัสเร็วเข้าเป้าเป๊ะๆไว้ใจได้ เรื่องไฟล์ภาพถือว่ามีคุณภาพสู้พวกขนาดกล้องตัวใหญ่ๆระดับสูงบางตัวได้สบายๆเลย ที่สำคัญกล้องมีขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา พอเดินหิมะคือเส้นทางลำบากๆ นี่รู้สึกเลยว่า กล้องเล็กและเบามันช่วยเราได้เยอะ ถ้าเอากล้องใหญ่มาผมคงตายแน่ๆ
สำหรับวันนี้ก็ขอจบลงแค่นี้เนอะ ส่วนเรื่องข้อสรุปนี้ต้องขอบอกก่อนว่าเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย ขอบคุณครับผม
Comments
- Tags:
- Daisuki Samurai Japan,
- Geibikei,
- Hamachimantai,
- Iwate,
- Kitayamazaki,
- M.zuiko 12-40 f2.8 pro,
- M.zuiko 7-14 F2.8 pro,
- Motsuji Temple,
- Nanataki,
- Olympus OM-D EM1 mark ii,
- Olympus Thailand,
- Tanohata Village,
- Unosu,
- Winter Trip Photo Taking Tour,
- จังหวัดอิวะเตะ,
- จังหวัดอิวะเตะ (Iwate),
- จังหวัดอิวาเตะ,
- วัดโมสึจิ,
- อิวะเตะ,
- อิวาเตะ,
- เที่ยวจังหวัด Iwate,
- เที่ยวจังหวัดอิวาเตะ,
- แก่งเกบิเก,
- โอลิมปัสไทยแลนด์,
- ไดสุกิ ซามูไร เจแปน
18 comments
FloydPrurf
buying prescription drugs in mexico online: buying from online mexican pharmacy – purple pharmacy mexico price list
Grgvxr
lasuna online buy – lasuna pill purchase himcolin pills
Pfnzlx
purchase besifloxacin without prescription – purchase carbocisteine online sildamax medication
Tooiyx
gabapentin 100mg ca – buy gabapentin 100mg pill buy azulfidine tablets
Bgyzmz
buy probenecid sale – buy tegretol 200mg without prescription order carbamazepine 400mg
Rogwbh
celecoxib 200mg oral – buy generic indomethacin online purchase indomethacin generic
Aktdec
order colospa 135mg for sale – cilostazol 100mg usa order generic cilostazol 100mg
Uqzlod
voltaren 100mg usa – purchase diclofenac for sale buy aspirin
Dreflj
cheap rumalaya for sale – elavil 10mg generic buy generic endep 10mg
Oeuebq
mestinon sale – azathioprine for sale online imuran generic
Qfpkhe
cheap voveran – nimodipine oral nimotop pills
Lehpwy
purchase ozobax online cheap – purchase ozobax generic order piroxicam 20 mg generic
Nsplei
periactin 4mg us – order tizanidine for sale how to get zanaflex without a prescription
Spdmuu
buy mobic 15mg sale – toradol ca toradol oral
Twuzzp
purchase cefdinir online – buy cheap clindamycin cleocin for sale online
Jahqtr
buy generic trihexyphenidyl online – voltaren gel order online diclofenac gel where to order
Mhsxii
accutane generic – buy accutane for sale order deltasone 20mg
Bbrqrt
order prednisone 10mg sale – buy omnacortil tablets zovirax oral