The Slate Phuket (เดอะซเลท)

ถ้าบอกว่าชื่อ The Slate คนอาจจะไม่ค่อยรู้จักชื่อนี้กัน งั้นเรามาท้าวความโรงแรมนี้กันก่อนดีกว่า ถ้าบอกไปทุกคนต้องคุ้นหูกันแน่นอน โรงแรมนี้แต่เดิมแรกเริ่มเลยคือ Perla Village แล้วเปลี่ยนเป็น Indigo Pearl เมื่อปี 2550 แล้วเมื่อ สิงหาปีที่แล้วนี่เอง ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น The Slate

โรงแรมที่มีเนื้อที่ประมาณ 88 ไร่  ภายในโรงแรมการตกแต่งสไตล์แนวอินดัสเทรียลชิค ที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างและตกแต่งมาจากเหมืองแร่ในสมัยก่อน ยุคอดีตของเมืองภูเก็ต ( ภูเก็ตสมัยก่อนเคยเป็นยุคเหมืองแร่ดีบุก ) เพราะฉะนั้นทั่วทั้งโรงแรมต่างๆทุกที่ที่เราเดินไปจะได้กลิ่นอายความเป็นเหมืองแร่จริงๆ แม้กระทั่งดีเทลเล็กๆน้อยๆ ทำให้ผมประทับใจกับที่นี่มาก ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวกับแขกที่มาพักทั่วไปด้วย อย่างวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีที่ดังๆอย่างวง Girl Generations ก็ยังเคยมาสัมผัสที่นี่กันมาแล้ว

โรงแรมนี้เจ้าของเป็นคนตระกูล ณ ระนอง ที่ใครๆก็รู้จักกันดีครับ แถมยังได้สถาปนิกชื่อดังที่สร้างโรงแรมสวยๆมาแล้วทั่วเอเชีย คือคุณ บิลล์ เบนส์ลีย์ เพราะฉะนั้นผมบอกได้เลยว่า ถ้าคุณมากพักที่นี่คุณจะได้รับความรู้สึกไม่เหมือนกับการพักที่โรงแรมอื่นๆอย่างแน่นอน คุณจะเพลิดเพลินไปกับทุกซอกทุกมุมการตกแต่งและความครีเอทของโรงแรมได้ทั้งวันไม่รู้เบื่อกันเลยทีเดียว สำหรับผมผมขอยกให้โรงแรมนี้เป็นโรงแรม Luxuary แห่งนึงของเมืองภูเก็ตเลยก็ว่าได้

จุดขายของโรงแรมนี้อีกอย่าง ก็คือ เมื่อคุณพักที่นี่ คุณชอบของตกแต่งภายในโรงแรมชิ้นไหนคุณสามารถติดต่อขอซื้อกลับไปตกแต่งบ้านได้เลย แม้กระทั่งช้อนซ่อมก็ยังมีดีเทลที่มีด้ามเป็นประแจต่างๆ ก็สามารถซื้อได้ เป็นงานเฉพาะที่ผลิตขึ้นของทางโรงแรมนี้แห่งเดียว เท่านั้น

เอาหล่ะครับ เราไปทำความรู้จักกับที่นี่กันเถอะ

โรงแรม The Slate Phuket เป็นโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินภูเก็ต ประมาณ 4 กิโลเท่านั้น แถมยังมีทำเลที่ตั้งที่ดีเยี่ยมติดกับหาดในยาง

หาดในยาง นี้ดียังไง เป็นหาดที่ค่อนข้างสงบครับ ทะเลคลื่นไม่แรง ที่สำคัญน้ำทะเลสวย ทรายขาวละเอียดมาก จนตัวผมเองยังไม่คิดเลยว่าใกล้สนามบินจะมีหาดสวยๆด้วยแฮะ นึกว่าจะต้องไปหาดหลักๆในเมืองส่วนมากซะอีก

ข้อดีของโรงแรมที่ใกล้สนามบินกับติดหาดสวยๆ คือ เวลาเครื่องบินขึ้น หรือลง เราสามารถถ่ายรูปสวยๆได้

Lobby

คือหน้าตาของโรงแรมทุกที่ ที่นี่เป็นหน้าตาที่อลังการมาก ให้ความรู้สึกเหมือนเราเข้ามาในเหมืองแร่แล้วเจออัญมณีสวยงามและเลอค่า ที่อยู่ภายในเหมืองเพื่อรอคอยการค้นพบ

การตกแต่งถือว่ามีความโบราณสมัยก่อนรวมกับความครีเอทสร้างสรร ถ่ายทอดออกมาได้ตรงตามคอนเซปเหมืองแร่สมัยก่อนของเมืองภูเก็ต โดยใช้ไม้เป็นหลักในการตกแต่ง โดยคุมโทนด้วยมืดเป็นหลัก

Shades Gallery

เป็นแกลลอรี่แสดงภาพวาดและงานศิลปะต่างๆ ถ้าถูกใจสามารถติดต่อซื้อกับทางโรงแรมได้ หรือจะเข้ามานั่งชมซึบซับศิลปะ นั่งอ่านหนังสือก็เป็นมุมที่ครีเอทไม่น้อย

ข้าง Lobby จะมีโซนขายของที่ระลึก โซนขายดอกไม้กล้วยไม้ ขายน้ำหอม อโรม่า หรือกระทั่งโซนโชว์ต้นไม้นานาพันธุ์

Stockroom

อยางที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ว่าถ้าคุณชอบของตกแต่งภายในโรงแรมชิ้นไหนคุณสามารถติดต่อขอซื้อกลับไปตกแต่งบ้านได้เลย แต่ของบางอย่างต้อง พรีออเดอร์เพราะต้องใช้เวลาในการผลิต

Dirty Monstera

เป็นห้องอาหารที่อยู่ใกล้ๆกับลอบบี้ เปิดให้บริการ ตั้งแต่ 11.00 – 18.00 น. ที่นี่จะเป็นห้องอาหารทานอาหารประเภทจานเดียว มื้อกลางวันประมาณนี้ จุดเด่นของห้องนี้คือการตกแต่ง โดยเฉพาะโซฟานั่ง

แม้กระทั่งทางลงบรรไดยังมีรายละเอียด

มุมนี้เห็นสวยดีเลยเก็บภาพมาฝาก เป็นด้านหลังของโซนที่เค้าจัดอีเว้นท์กลางแจ้ง ตอนแรกเดินผ่านก็เฉยๆนะ แต่พอช่วงบ่ายแดดส่องมาคือแสงแดดเป็นเส้นๆสวยมาก ถ้ามีนางแบบมาเดินลงบรรไดนะ ภาพนี้จะสมบูรณ์ขึ้นเยอะ

ห้องอาหาร Black Ginger   (แบล็ค จินเจอร์)

เป็นห้องอาหารที่เป็นไฮไลท์ของโรงแรมนี้ เมื่อเราเดินเข้าไปจะเหมือนหลุดออกไปอีกมิติหนึ่ง เหมือนเราอยู่ในสมัยอยุธยาในอดีต เป็นห้องอาหารอยู่ศาลากลางน้ำหรือจะเรียกว่าบึงก็น่าจะได้ ดูมีความสงบและมีความเป็นเอกลักษณ์ ผมชอบนะเพราะดูมีดีเทลและรายละเอียดในการออกแบบและตกแต่ง

ที่ผมบอกมีรายละเอียดและดีเทลเพราะอะไร ยกตัวอย่างเช่น ทุกคนเห็นภาพแล้วก็คง งง ว่า เออ สวยดีแล้วจะข้ามไปยังไง ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกครับ แต่พอ 18.30 น. เป็นเวลาเปิดห้องอาหาร จะมีพนักงานใส่ชุดไทยสมัยก่อน มารับโดยการค่อยๆสาวเชือกเพื่อให้แพลอยน้ำมารับแขกที่จะมาทานอาหารนี้แหละ ครีเอทมากในการใช้แพแบบนี้ในการรับส่งแขก

ภายในแบ่งเป็น 2 ศาลา ตกแต่งแบบไทยสมัยก่อน ถึงจะดูเหมือนเก่าแต่มีความหรูหราในตัว

ส่วนใครข้ามแพมาที่ศาลานี้แล้ว แนะนำต้องเข้าห้องน้ำตรงนี้ให้ได้นะ หรูมาก หรูเว่อร์วัง เข้าเถอะเชื่อผม นานๆเราจะได้เข้าห้องน้ำราคา 5 ล้านบาท สักครั้งนึงในชีวิตเนอะ

เริ่มต้อนด้วยเครื่องดื่มกันก่อนครับ เพื่อความสดชื่น

เมนูของห้องอาหารนี้จะเป็นอาหารไทย และเป็นอาหารไทยพื้นเมืองผสมผสานกัน ซึ่งบางเมนูเราแทบจะไม่รู้จักเลย ยังคิดเลยว่ามีเมนูแบบนี้ด้วยหรอ สำหรับรสชาติผมคงต้องยกนิ้วให้จริงๆ รสชาติไม่ใช่จะเอาใจแค่ชาวต่างชาติ แต่ยังถูกปากคนไทยด้วยกัน ต้องยอมรับเลยว่าอร่อยมากจริงๆ เมนูผมอาจจะจำชื่อไม่ได้หมดนะครับ ต้องขออภัยด้วยครับ

ออเดิร์ฟ 3 อย่างไว้เรียกน้ำย่อย มีทั้งยำสัมโอ ถุงทอง

เบือทอด

คือใบชะพลูทอดกรอบ และนำกุ้งไปชุปแป้งทอด อร่อยมากครับจานนี้

กุ้งซอสมะขาม

อันนี้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเลย

ห่อหมกอะไรสักอย่าง อร่อยรสชาติเข้มข้น หอมๆ

หมี่หุ้นแกงปู

เนื้อปูเป็นชิ้นๆเลย รสชาติน้ำแกงกระทิเข้มข้น

น้ำพริกกะปิปูนิ่ม 

น้ำชุบกุ้งสด คือเป็นคำที่คนพื้นที่ภูเก็ตที่นี่ใช้เรียกน้ำพริกชนิดนี้ซึ่งก็คือน้ำพริกกุ้งสดที่เรารู้จักกันนี่แหละ เสิร์ฟกับผักสดลวกและปูนิ่มทอด อร่อยเหาะ

หมูคั่วกลิ้ง

มาดูส่วนของห้องพักกันบ้างเนอะ จะมีทั้งหมด 6 แบบ คือ

1. Private Pool Villas โดยจะแบ่งเป็น Onebed room Pool Villas และ Twe bed room Pool Vilas

2. Bensley Suite

3. Pearl Shell Suites

4. Pool Suite

5. D-Buk Suite

6. Pearl Bed Suite

แต่เนื่องจากวันที่ผมเข้าพัก แขกเยอะมาก จึงเอาภาพห้องมาให้ชมแค่ 3 แบบเท่านั้น คือ

Pearl Bed Suite

เป็นห้องเริ่มต้นที่มีขนาดประมาณ 56 -65 ตร.ม. ผมพูดเลยว่าเป็นห้องเริ่มต้นที่มีขนาดกว้างและใหญ่กว่าโรงแรมหลายๆไม่ใช่เฉพาะแค่ในภูเก็ต เท่านั้น

D-Buk Suite

ขนาดประมาณ 76 ต.ร.ม. ผมนอนห้องนี้แหละ ตอนแรกนึกว่ามี 2 เตียง ดูอีกทีอ่าวไม่ใช้ เดย์เบดนี่เอง ใหญ่จะเท่าเตียงอยู่ละ สำหรับเรื่องที่นอนต้องยกให้กับที่นี่จริงๆ นอนสบายมาก

Private Onebed room Pool Villas

ห้องนี้จะมีขนาด 560 ต.ร.ม. ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก แต่ไม่ได้ใหญ่ที่สุดของโรงแรม ยังมีห้อง type ที่ใหญ่กว่านี้อีก แต่วันที่ผมไปแขกพักเต็มครับ เลยเอาห้องนี้มาให้ชมก่อนละกันเนอะ

ห้องนี้จะแบ่งเป็น 2 หลัง คือหลังสำหรับห้องพักและอีกหลังสำหรับห้องนั่งเล่นซึ่งมีห้องสปาภายในตัว และมีสระพูลวิลล่าที่มีขนาดยาวพอสมควร และขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวมากๆ

สระว่ายน้ำของที่นี่มี 3 สระ แบ่งเป็นสระ main สระสำหรับผู้ใหญ่และสระเด็ก ใตสระ main นี้จะมีขนาดใหญ่สุด ให้ความเป็นธรรมชาติแบบสุดๆเหมือนกัน มีน้ำตกจำลองเพิ่มเติมความเป็นธรรมชาติมากขึ้น

สำหรับอาหารกลางวัน ก็ใช้บริการห้องอาหารตรงข้างสระ main นี่แหละ จะเน้นเป็นอาหารตะวันตกครับ รสชาติต้องบอกเลย ถูกปากคนไทยและโดยเฉพาะชาวต่างชาติ

อีกหนึ่งสระว่ายน้ำของที่นี่ สระนี้จะให้เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้น จะมีความไพรเวทและสงบ จะมีเสียงเพลงเบาๆและมีเครื่องและบาร์ให้บริการ

Rebar

ถ้าใครชอบบาร์ที่เงียบสงบและต้องการความเป็นส่วนตัว ผมแนะนำบาร์นี้เลย

Tongkah Tin Syndicate

เป็นบาร์ที่ให้ความรู้สึกความเป็นเหมืองแร่อย่างชัดเจนที่สุด ในหมู่บาร์ของโรงแรมนี้ แถมบาร์นี้ยังมีจอโปรเจคเตอร์ไว้ถ่ายทอดสดกีฬา มีโต๊ะสนุก มีโต๊ะพูลอีกด้วย โดยใช้บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ แต่เครื่องดื่มเสียนะจ๊ะ

Tin Mine

เป็นห้องอาหารหลักของที่นี่ จะให้บริการทั้งอาหารเช้า และจะมีเป็นบุฟเฟ่ต์ตอนเย็นด้วยผมเห็นตอนที่ผมเข้าพัก แต่ไม่ได้ลองบุฟเฟ่ต์ตอนเย็นนะเลยไม่มีข้อมูลครับ สงสัยต้องมาลองกันเองแล้วแหละ

สำหรับเมนูอาหารเช้าของที่นี่ ถ้าใครจะว่าเยอะก็เยอะนะ ส่วนใครจะว่าไม่เยอะก็คงไม่เยอะแหละ เพราะแต่ละคนคาดหวังไม่เหมือนกัน แต่สำหรับความคิดผมก็มีเยอะระดับนึงแหละ แต่ที่แน่ๆ คุณภาพมาเต็มมาก ของแพงๆก็มีในไลน์อาหารเช้า น้ำผลไม้คั้นสดหมด ตอนผมไปมีมะม่วงสุกชิ้นโตๆให้ตักไม่อั้นด้วยนะ หวานชื่นใจมาก แต่ถ่ายไม่ทันจริงๆ แขกพักเต็มทุกห้อง แล้วก็เล็งมาที่จานมะม่วงกันทั้งนั้น

The Slate Phuket 

Nai Yang Beach & National Park, 116 Moo 1,

Sakhu, Thalang, Phuket 83110, Thailand

+ 66 (0) 76 327 006

+ 66 (0) 76 327 015

+ 66 (0) 76 327 338-9

http://www.theslatephuket.com/

https://www.facebook.com/TheSlatePhuket/

สำหรับทริปนี้ผม ไป – กลับ โดยการใช้บริการของสายการบิน Bangkok Airways และได้อัพเข้าเล้าจ์แบบ Business ด้วย ต้องบอกเลยว่าดีงามมาก ทั้งเครื่องดื่มจัดเต็มรวมถึงแอลกอฮอล์ด้วย มีอาหารให้สั่งทานเยอะแยะทั้งเกี้ยวกุ้ง ข้าวต้มบะกุ๊ดเต๋ ข้าวหน้าไก่เทริยากิ นี่แค่เมนูส่วนนึงที่สั่งได้นะยังมีให้สั่งอีกเยอะแต่ทานไม่ไหวจริงๆ ไหนจะของที่สามารถเดินไปตักทานเอง โดยเฉพาะข้าวต้มมัด กับขนมต้มนี่อร่อยจริง ต้องลอง ทานอิ่มแล้วก็ไปนั่งดูทีวีบนเก้าอี้นวดไฟฟ้ารอเรียกขึ้นเครื่องจนรู้สึกไม่อยากไปขึ้นเครื่องเลยจริงๆ 55 ที่พูดมาทั้งหมดฟรีจ้า เพียงแค่คุณบินกับสายการบิน Bangkok Airways แต่ถ้าใครไม่ได้อัพเป็น Business ก็มีเล้าจ์ไว้รับลองเหมือนกันนะ

Comments

comments