” เสียมเรียบ ” หรือ ” เสียมราฐ ” ประเทศ ” กัมพูชา ” หรือ ” เขมร ” กับ “นครวัด นครธม ” มรดกโลก ที่ใกล้แค่นี้ !!!
” เสียมเรียบ ” จริงๆคำนี้คนอาจจะไม่คุ้นหูเท่าไหร่ เป็นคำที่ท้องถิ่นเรียก แต่เค้ามีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ” เสียมราฐ ” บางคนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นชื่อเมืองเมืองนึงของประเทศกัมพูชา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ อยู่ริมฝั่งทะเลสาบเขมร
บอกชื่อเมืองไปแล้ว บางคนยังทำหน้าสงสัยอยู่เลย แต่ถ้าพูดขึ้นมาว่า ” นครวัด นครธม ” เมืองที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2535 ทุกคนต้องรู้จักอย่างแน่นอน
วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวและรู้จักกันครับ กับที่นี่ ” เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา “
ทริปนี้เราเริ่มต้นการเดินทางกันที่สุวรรณภูมิกันครับ ด้วยสายการบิน Bangkok Airways ที่บินตรงสู่เสียมเรียบ ( ขอเรียกเสียมเรียบละกันเนอะ ) ภายในเวลาแค่ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงที่หมายกันแล้ว แนะนำเลยครับใครที่บินสายการบินนี้ มาล่วงหน้าหลายชั่วโมงหน่อย ไม่ใช่แค่เพื่อนๆ จะไม่ต้องรีบร้อนกลัวตกเครื่องแค่นั้น แต่ที่นี่มีเล้าจ์ไว้บริการโดยไม่ต้องเสียสตางค์เพิ่มสักบาท ที่นั่งพักผ่อนสบาย ขนม เครื่องดื่มเรียกได้ว่าใครเข้ามาแล้วยังหิวอยู่ก็ให้มันรู้ไป ของขึ้นชื่อของเค้าเด่นๆ จริงๆ ก็คือ ข้าวต้มมัดอย่าลืมลองทานกันนะครับ แต่ทริปนี้ผมพลาดไปไว้ทริปหน้าไม่พลาดแน่นอน
ก่อนลงมีแจกซิมการ์ดให้ด้วยนะ แต่ผมไม่ได้ใช้ ผมไปหาซื้อซิมที่สนามบินเลยน่าจะสะดวกกว่า ที่สำคัญถูกมากประมาณ 3 – 5 ดอลล่าร์
พอลงสนามบินก็ขึ้นรถเพื่อไปเช็คอินที่โรงแรม พักผ่อนและเก็บของกันก่อนครับ ทริปนี้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ 3 วัน 2 คืน โดยเราพักกันที่โรงแรม ANATARA ANGKOR RESORT
โรงแรมนี้ดียังไง ?
ดูจากแผนที่ของโรงแรมก็จะรู้ครับว่า ใกล้สนามบินมาก ใช้เวลาเดินทางมาไม่กี่นาทีก็ถึงตัวโรงแรมแล้ว แถมยังใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่ผมจะไปสำหรับทริปนี้อีกด้วย ใช้เวลาไปแต่ละที่ไม่กี่สิบนาทีเอง
เรามาดูภายในโรงแรมกันก่อนเนอะ โรงแรมนี้เป็นเครือโรงแรมหรูระดับลักซ์ชัวรี่ ที่มีโรงแรมอยู่ทั่วโลก ที่นี่ก็เช่นกัน การตกแต่งของที่นี่สไตล์บูทีค และก็แน่นอนต้องมีความเป็นกัมพูชา แสดงถึงวัฒนธรรมของท้องถิ่น ทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกอินกับประวัติศาสตร์ของที่นี่
ตัวโรงแรมไม่ใหญ่มากนักครับ มีดีเทลรายละเอียดภายในโรงแรม พอเข้าพักที่นี่ทำให้ไม่อยากออกไปเที่ยวอ่ะ อยากอยู่แต่โรงแรม 555 ล้อเล่นๆ มาก็ต้องเที่ยวสิเนอะ นอกเรื่องๆ ละ เข้าเรื่องต่อดีกว่า พามาชมส่วนแรกเลยที่ทำการเช็คอิน คือ Lobby ของที่นี่ครับ
บริเวณโดยรอบภายในโรงแรม ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านพักและสวนสมัยก่อนของคนใหญ่คนโตเมื่ออดีต
มาดูส่วนของสระว่ายน้ำของที่นี่ เป็นสระส่วนกลางที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องพัก โทนสีที่ใช้ให้ความรู้สึกเข้ากับสถานที่ มีความเป็นบูทีคอย่างเต็มเปี่ยม สระว่ายน้ำถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี้
ในส่วนของห้องพัก ใช้ไม้เป็นหลักในการตกแต่ง
ห้องนี้เป็นห้องที่ผมใช้นอนทั้ง 2 คืนครับ อยู่ที่ชั้น 2 การตกแต่งก็คล้ายๆ กับห้องแรก
ที่ผมประทับใจมากที่สุดคือห้องอาหารของที่นี่ วินาทีแรกที่เข้ามาที่รู้สึกได้คือ แอร์เย็น 555 ไม่ใช่ๆ คือเข้ามาแล้วรู้สึกถึงการดีไซน์และตกแต่งให้ความเป็นกัมพูชาสมัยก่อนจริงๆ แสดงให้เห็นถึงความเก่าและความขลังของสถานที่
ห้องอาหารนี้นอกจากจะเป็นที่ทานอาหารแบบ all day และเป็นที่ทานอาหารเช้าด้วยครับ ซึ่งจะมีไลน์บุฟเฟ่ต์นิดหน่อย และมีแบบ a la carte ที่สั่งได้เรื่อยๆ
เรามาดูเมนูอาหารที่สั่งทานกันบ้าง เมนูของที่นี่บางอย่างมีความเป็นกัมพูชา แต่ส่วนมากจะคล้ายๆ ของไทยเรานี่แหละ บางอย่างก็เหมือนนะ รสชาติโอเคเลย
ที่แรกที่เราจะไปคือ ” อังกอร์ พาโนรามา มิวเซียม” หรือ “พิพิธภัณฑ์พาโนรามาอังกอร์ ”
พิพิธภัณฑ์ภาพวาดแห่งใหม่ที่เกาหลีเหนือลงทุนก่อสร้างขึ้นในจังหวัดเสียมเรียบ แหล่งแสดงภาพวาด 360 องศา เกี่ยวกับสงครามในช่วงศตวรรษที่ 11 จนถึงศตวรรษที่ 13 อันเป็นสมัยที่จักรวรรดิขแมร์ หรือ เขมร เรืองอำนาจ รวมทั้งแสดงภาพวาดการก่อสร้างนครวัด ในจังหวัดเสียมเรียบ
วาดโดยจิตรกรชาวเกาหลีเหนือ จำนวน 63 คน จากสถาบันมันซูแด อาร์ต สตูดิโอ ของรัฐบาลเกาหลีเหนือโดยใช้เวลาวาดนานมากกว่า 1 ปี รัฐบาลเกาหลีเหนือก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วยงบประมาณสูงถึง 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 836 ล้านบาท
สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์พิเศษระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและกษัตริย์กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างนายคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ กับ เจ้านโรดม สีหนุ อดีตกษัตริกัมพูชา ในยุคเขมรแดง
ที่นี่จะเป็นประวัติศาสตร์ต่างๆ ในสมัยก่อนของที่นี่ เสียดายวันที่เราไปจุดไฮไลท์ของเค้าคือภาพวาด 360 องศา เค้าห้ามบันทึกภาพทุกอย่างเลยเอามาให้ชมไม่ได้ แต่ขอบอกเลยว่าที่เห็นมาต้องอึ้งกับความเหมือนจริงมากๆ เหมือนจนไม่คิดว่าคนจะสามารถวาดภาพได้ขนาดนี้ ใครมีโอกาสต้องเข้าไปลองชมกันดู
Malis Restaurant
คือห้องอาหารที่เราจะมาทานกันเย็นนี้ครับ ที่นี่การตกแต่งร้านค่อนข้างหรูหรา ไฮโซมากมาย เมนูอาหารก็จะเป็นเมนูอาหารพื้นเมืองของชาวกัมพูชาแต่อาจจะเอามาทำแบบฟิวชั่นหน้าตาดูดีเลยทีเดียว และที่สำคัญรสชาติดีมาก อร่อยมากจริงๆ เมนูบางเมนูนี่คล้ายๆอาหารไทยเหมือนกัน
Pub Street
เป็นที่ที่เรามาหลังจากทานอาหารเย็นแล้วซึ่งไม่ห่างจากร้านอาหารสักเท่าไหร่ ที่นี่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว สำหรับที่เที่ยวตอนกลางคืน ร้านนั่งดื่มเยอะแยะมากมาย หรือแม้กระทั่งของกินแปลกๆ อย่างงูทอด แม่งป่อง แต่ใช่ว่าจะมีแต่ของแปลกๆนะ ทุเรียน มะพร้าว น้ำปั่นก็มีให้เห็นทั่วทั้งถนน
ที่นี่ค่อนข้างวุ่นวายเป็นไปได้ระวังทรัพย์สินกันหน่อยก็ดีนะครับ
นครธม
เป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของนครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ และที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า ปราสาทบายน
จุดเด่นที่สุดคือทางเข้าด้านใต้ ที่มีลักษณะเป็นหน้า 4 หน้า ก่อนจะเข้าสู่บริเวณนี้ จะเป็นแถวของยักษ์ (อสูร) ทางด้านขวา และเทวดาทางด้านซ้าย เรียงรายแบกพญานาคอยู่สองข้างสะพาน เมื่อเข้าสู่ใจกลางนครธมจะพบสิ่งก่อสร้างต่างๆ บริเวณประตูด้านใต้นี้ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้ได้ดีกว่าบริเวณอื่นๆ อีก 3 ด้าน
นครธมมีความหมายว่าเมืองใหญ่ (ธม แปลว่า ใหญ่) เมืองพระนครหลวงมีพระราชวังและปราสาทต่างๆมากมาย และเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรขอมมั่งคั่งและรุ่งโรจน์เป็นที่สุด ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินทางมาเยี่ยมชมเมืองพระนครหลวง และนับตั้งแต่ก้าวแรกที่จะต้องเดินทางผ่านช่องประตูเข้ามา ต้องตื่นตะลึงกับความโอฬารของหินทรายที่สลักเป็นรูปพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ด้วยสายตาที่ทอดลงมายังที่ต่ำ และรอยยิ้มที่เป็นสุขหรือยิ้มแบบบายนที่เปี่ยมด้วยความเมตตา
นอกจากเป็นโบราณสถานที่น่าท่องเที่ยวแล้ว ยังมีมุมถ่ายรูปเยอะแยะมากมายที่ทำให้ทริปนี้เราไปถ่ายรูปกันแบบไม่มีเบื่อ
ปราสาทตาพรหม
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1729 เป็นปราสาทหินในยุคท้ายๆ ของอาณาจักรเขมร ปราสาทเหล่านี้ถือว่าเป็นสถานที่ของพระพุทธศาสนาที่สมัยนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เพราะสมัยนั้นกษัตริย์ที่สนับสนุนให้มีการสร้างปราสาทนี้เป็นวัดในศาสนาพุทธ การดูแลปราสาทต่างๆนั้นรัฐบาลได้ทำการตัดต้นไม้ออกจากปราสาทอื่นๆ เพราะกลัวว่าประสาทจะล้มลงหากต้นไม้ใหญ่โตมากๆ แต่สำหรับปราสาทตาพรมนั้น รัฐบาลมีแนวคิดที่จะคงต้นไม้ไว้เหมือนโบราณที่มีต้นไม้ขึ้นบนปราสาทแทบทุกปราสาทจึงกลายเป็น ลักษณะเด่นของปราสาทตาพรหมคือมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นคลุมตัวปราสาทเป็นจำนวนมาก ไปในตอนหลัง
ปราสาทตาพรมนั้น ในรัชกาลที่กษัตย์นิยมฮินดูได้อำนาจคือจากกษัตริย์นับถือพุทธ จึงให้มีการทำลาย และมีร่องรอยการทำลายมากที่สุด เพราะความต่างของการนับถือศาสนา ปราสาทตาพรมจึงไม่หลงเหลือศิลปะให้พวกเราได้เห็นมากนัก และเนื่องจากใช้ถ่ายทำหนังหลายเรื่อง เช่น ทูมไรเดอร์ เจมส์บอนด์ ฯลฯ นักท่องเที่ยวจึงเข้าคิวเพื่อถ่ายรูปกับรากไม้มากกว่าซาบซึ้งในศิลปกรรม
ที่ปราสาทตาพรหมมีต้นไม้อยู่ 2 ชนิด ต้นที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่า ต้นสะปง หรือภาษาไทยเรียกว่า ต้นสำโรง เป็นต้นไม้ยืนต้นเนื้ออ่อน รกของมันจะดุดน้ำใต้ดินเข้าลำต้นทำให้นกดูป่อง พอง ส่วนพันธุ์ไม้อีกพันธุ์หนึ่งเป็นไม้เลื้อยขึ้นอยู่ตามหน้าบัน ทับหลังหรือตัวปราสาท หลังคา ลักษณะเป็นไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก บ้างก็แห้งตายคาอยู่ บ้างก็ยังเขียวสดอยู่ เกิดจากการที่นกมาขับถ่ายมูลที่มีเมล็ดของพันธุ์นี้ทิ้งไว้ บริเวณใดของปราสาทที่มีน้ำขังอยู่มีตะไคร่น้ำที่ให้ความชุ่มชื้น ก็สามารถทำให้เมล็ดพันธุ์เติบโตเป็นต้นได้ ทั้งไม้เล็กและไม้ใหญ่ต่างเติบโตตามสภาวะที่เอื้ออำนวยรากของไม้ใหญ่ที่แทรกชอนไชไปบนแผ่นศิลา เพื่อจะหาที่ลงดินเกิดเป็นรูปทรงคล้ายหนวดปลาหมึกเกาะกุมองค์ปราสาททำให้ช่วยประคองยึดตัวปราสาทไม่ให้พังลงมาได้
ที่นี่ก็มีมุมถ่ายภาพให้เพื่อนๆ ได้กดชัตเตอร์เยอะอยู่เหมือนกันครับ
FCC Angkor Bar & Restaurant
ช่วงเที่ยงเรามาทานอาหารที่ร้านนี้ครับ เป็นอาหารฟิวชั่นสไตล์เขมร รสชาติดีเลยทีเดียว
ปราสาทนครวัด
ถ้ามากัมพูชาจะไม่มาที่นี่คงไม่ได้ครับ ปราสาทนครวัด สร้างในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้ครองอาณาจักรขอมช่วง พ.ศ.1656-1693 ซึ่งขณะนั้นพราหมณ์ฮินดูไวษณพนิกาย นับถือพระวิษณุ (พระนารายณ์) เป็นมหาเทพ รุ่งเรือง สุริยวรมันที่ 2 ทรงสร้างปราสาทนครวัดเป็นเทวาลัยบูชา และให้เป็นที่เก็บพระศพของพระองค์ (ทรงได้พระนามภายหลังสิ้นพระชนม์ว่า บรมวิษณุ ส่งผลนครวัดมีอีกชื่อว่า บรมวิษณุมหาปราสาท) นครวัดจึงแตกต่างกับปราสาทอื่นๆ ตรงที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศของผู้ตาย แทนทิศตะวันออกตามขนบ
กว่าจะเป็นปราสาทนครวัด ต้องใช้หินปริมาตรหลายล้านลูกบาศก์เมตร มีหินทรายเป็นวัสดุก่อสร้างหลัก ใช้แรงงานช้างนับหมื่นเชือก แรงงานคนนับแสน ขนและชักลากหินมาจากเขาพนมกุเลนชึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 50 กิโลเมตร มาสร้างปราสาทนครวัดมีเสา 1,800 ต้น หนักต้นละกว่า 10 ตัน และเพราะไม่ได้เป็นเพียงศาสนสถาน ยังเป็นราชธานีด้วย อาณาบริเวณจึงกว้างใหญ่ไพศาล มีความยาว 1.5 กิโลเมตร กว้าง 1.3 กิโลเมตร รวมพื้นที่ 1,219 ไร่ หรือราว 200,000 ตารางเมตร มีแผนผังที่ถือเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดยอดของปราสาทขอม มีปราสาท 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานสูงตามคติฮินดู คือเป็นศูนย์กลางของโลกและจักรวาล คูน้ำล้อมรอบตามแบบมหาสมุทรล้อมเขาพระสุเมรุ
ทางด้านกำแพงชั้นนอกรอบปราสาทนั้น มีความยาวกว่า 800 เมตร มีงานแกะสลักเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่อง รามายณะ รูปแกะสลักที่มีชื่อที่สุดคือรูปแกะสลักการกวนเกษียรสมุทร มีรูปแกะสลักนางอัปสรมากกว่า 1,796 นาง ที่ทั้งหมดมีเครื่องแต่งกายและทรงผมที่ไม่ซ้ำกัน
ปี ค.ศ. 1586 (พ.ศ. 2129) ได้มีนักบวชจากโปรตุเกส นามว่า อันโตนิโอ ดา มักดาเลนา เป็นชาวตะวันตกคนแรกที่ได้ไปเยือนปราสาทนครวัด ส่วนการค้นพบของ อ็องรี มูโอ นักสะสมแมลงและนักสำรวจชาวฝรั่งเศสเมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว เป็นการเปิดประตูปราสาทนครวัดสู่สายตาชาวโลก
ก่อนกลับเราก็เช็คเอ้าท์โรงแรมและมุ่งหน้าสู่สนามบินเสียมเรียบ โดยใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงแล้วครับ ขากลับก็ใช้บริการของ Bangkok Airways ที่นี่ก็มีเล้าจ์รับรองเช่นกัน โดยเฉพาะข้าวต้มมัดจากไทยก็มาที่นี่ด้วย ที่นั่งสบายๆ มานั่งแอร์เย็นๆ หาอะไรทาน ก่อนขึ้นเครื่อง เป็นการปิดทริปที่สนุกและอิ่มหนำสำราญทริปนึงเลยครับ
2 comments
FloydPrurf
mexican rx online: cheapest mexico drugs – medicine in mexico pharmacies
Williamdrync
best online pharmacy india https://indiaph24.store/# reputable indian pharmacies
buy medicines online in india