เที่ยวญี่ปุ่นกับครอบครัวแบบ chill chill พร้อมกับแนะนำ Pass สุดคุ้ม JR Tokyo Wide Pass แถมแนะนำโรงแรมและวิธีการจองในญี่ปุ่นราคาประหยัด
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่นกันบ้างเนอะ หลังจากในเว็บไซด์มีแต่ไปแนะนำโรงแรมซะส่วนใหญ่เรียกได้ว่า 99% เลยทีเดียว ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็แล้วกัน พอดีเมื่อวันที่ 18 – 25 ต.ค. ที่ผ่านมา ผมพาครอบครัวไปเที่ยวญี่ปุ่นครับทริปนี้ต้องบอกก่อนว่าผมพาภรรยาและลูกของผมก็คือเจ้า ” ยู ” ( อายุ 2 ขวบ ) นี่แหละฮะไปเที่ยวทริปนี้ด้วย แถมยังมีเพื่อนผมอีกครอบครัวนึง พ่อ แม่ ลูก ( อายุ 2ขวบครึ่ง ) ติดสอยห้อยตามไปเที่ยวด้วยถือว่าเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเค้าเลย เพราะฉะนั้นทริปนี้ผมก็คือไกด์จำเป็นดีๆ นี่เองฮะที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้
ก็อย่างที่ได้พูดไปแล้วเนอะว่าทริปนี้มีเด็กไปด้วย 2 คน สำหรับ 2 ครอบครัว ซึ่งคนที่มีลูกแล้วพาไปเที่ยวนี่จะพอรู้กันดีฮะว่าอาจจะต้องลำบากนิดนึง จะสู้การท่องเที่ยวคนเดียว แบบเพื่อนฝูงหรือแบบคู่รักไม่ได้แน่นอนความคล่องตัวมันต่างกัน ทริปนี้เลยถือเป็นการท่องเที่ยวแบบชิวๆ สบายๆ คือเที่ยววันละที่พอและก็ไม่คาดหวังในการท่องเที่ยวมากนัก เน้นความสุขและการเดินทางภายในครอบครัวเป็นหลัก ตอนวางแผนที่จะมาก็ทำใจไว้นิดนึงแล้วละว่า ขอเที่ยววันละที่พอตอนเช้าจะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามากให้เด็กๆ ได้นอนและตื่นแบบเต็มอิ่ม แล้วค่อยกลับมาเน้นกินและช๊อปปิ้งเอาดีกว่าสบายๆ
ทริปนี้ผมจะพักแค่โรงแรมที่เดียวครับ 7 คืนรวดเดียวเลย เพราะแต่ละที่ที่วางแผนไปก็อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก แล้วก็ขี้เกียจขนของย้ายของไปไหนมาไหน ตัดปัญหาตรงนี้ไปพักที่เดียวเลยจบ
การวางแผนทริปง่ายๆ สบายๆ ทริปนี้ของผมเลยเลยไม่อยากเลยกับการเลือกใช้ Pass ในการเดินทาง ผมใช้ JR Tokyo Wide Pass ในราคา 10,000 เยน หรือประมาณ 3,000 บาทที่เป็นเงินไทย แต่ตอนผมแลกเงินไปเรท .29 ราคาพาสก็คือ 2,900 บาท ถ้าเด็ก 6 – 11 ปีจะราคา 5,000 เยน พาสนี้ใช้ได้ 3 วันแต่ต้องใช้ติดต่อกันนะ ก็คือ ถ้าเริ่มใช้วันแรกแล้วพาสจะรัน 3 วันรวดเลยเว้นไม่ได้ และที่สำคัญพาสนี้ หาซื้อได้เฉพาะที่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น นอกญี่ปุ่นตามเอเจนซี่ต่างๆ ไม่มีจำหน่ายนะจ๊ะ
พาสนี้หาซื้อได้ที่ไหน ??? มีจำหน่ายที่สนามบินนาริตะกับฮาเนดะ ไม่ก็สถานีรถไฟ JR ใหญ่ๆ Tokyo, Shinagawa, Ueno, Shinjuku, Shibuya, Ikebukuro, Yokohama, MIto สังเกตคำว่า JR EAST Travel Service Center
พาสนี้ไปไหนได้บ้าง ??? ยกตัวอย่างง่ายๆ ภูเขาไฟฟูจิ ,Kamakura (คามะคุระ) ,Karuizawa (คะรุอิซาวะ) ,Yokohama (โยโกฮามะ) ,Chiba (ชิบะ) ,Nikko (นิกโก้) ,Nagano (นากาโนะ) เป็นต้น
ถือว่าเป็นพาสที่ไว้เที่ยวภายในเขตคันโตแทบจะทั้งหมด แถมยังใช้นั่งไปกลับสนามบินได้อีกด้วย
- JR East Lines ตลอดสาย
- Tokyo Monorail ตลอดสาย
- Izu Kyuko Line ตลอดสาย
- Fujikyu Railway ตลอดสาย
- Joshin Dentetsu Line ตลอดสาย
- Saitama New Urban Transit Line (New Shuttle) – between Omiya and the Railway Museum• JR East lines and Tobu Railway lines: the Nikko, the SPACIA Nikko, the Kinugawa, and the SPACIA Kinugawa พื้นที่ที่ขยายเพิ่มเติม เมื่อเทียบกับ JR Kanto Area Pass:
- Joetsu Shinkansen ใช้เดินทางไป GALA-Yuzawa ได้
- Tokyo Waterfront Area Rapid Transit Rinkai Line (ไปโอไดบะได้ )
พาสนี้จองที่นั่ง Reserved seat ได้มั้ย ??? ตอบเลยว่าได้แน่นอนครับ ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มด้วย ส่วนใครไม่รู้ว่าต้องไปจองที่นั่งตรงไหน สังเกตรูปภาพที่เป็นคนนั่งเก้าอี้สีเขียวไว้ครับ นั่นแหละฮะที่จอง
เอาหล่ะฮะพอทราบข้อมูลคร่าวๆ ของเจ้าพาสนี้กันพอประมาณแล้ว ผมขอพาไปเที่ยวที่ผมคิดว่าเป็นไฮไลท์สุดของผมทริปนี้เลย คือที่ ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค จังหวัด Ibaraki โดนใช้ JR Tokyo Wide Pass นี้แหละฮะ นั่งจาก Ueno โดยใช้รถไฟ LTD.EXP HITACHI ใช้เวลา 70 นาทีเองก็ถึงแล้ว มาลงที่สถานี KATSUTA อย่าลืมใช้พาสไปจองที่นั่งด้วยนะครับ ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแถมยังได้ที่นั่งชัวร์ๆ แน่นอน
ลงบันไดเลื่อนลงมาจากสถานี ก็จะเจอป้ายรถเมล์เบอร์ 2 ด้านหน้าเลย แต่ที่เด่นกว่านั้นก็คือ เค้าตั้งโต๊ะขายพาสเลยจ้า เป็นพาสรวมค่า Bus + Ticket เข้าสวนฮิตาชิ ราคา 1,080 เยนแนะนำซื้อเถอะฮะ ข้อดีคือราคาถูกกว่าจ่ายแยก อีกข้อคือพอไปหน้าทางเข้าไม่ต้องไปต่อคิวรอซื้อตั๋วสามารถเดินเข้าไปได้เลย เรานั่งรถบัสไปสุดสายลงหน้าสวนพอดีใช้เวลาประมาณ 20 นาที ถ้าหิวก็มี Lawson ไว้ช๊อปรอรถบัส
ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค จังหวัด Ibaraki ถือว่าเป็นไฮไลท์ในทริปนี้ของผมเลย ถ้าใครมีโอกาสมาโตเกียวอย่าลืมนึกถึงที่นี่เนอะ ห่างจากโตเกียวแค่ 130 กิโลเอง ที่นี่เป็นสวนอยู่ริมทะเลสาบขนาดใหญ่ อย่างเช่นที่ผมไปจะเป็นช่วง ทุ่งดอกโคเชีย(Kochia) หรือที่เรียกว่าช่วง Kochia Carnival จะมีช่วงกลาง กันยา – กลางตุลาคม ตอนผมไปเค้าเปิดให้ชมถึงปลาย ต.ค. เลยทีเดียว โดยปกติเจ้าดอกโคเชียจะเป็นสีเขียวก็สวยไปอีกแบบนะ แต่เข้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเดือนตุลาคมจะเป็นเป็นสีแดงทั้งภูเขาเลย
ส่วนใครไม่สะดวกมาช่วงนี้ก็ช่วงอื่นให้มาเที่ยวเหมือนกันนะ อย่างเช่น
- ทุ่งดอกนาร์ซิสซัส(Narcissus) หรือมีชื่อเรียกว่า Suisen Fantasy จะมีช่วงปลายเดือนมีนาคม – กลางเดือนเมษายน
- ทุ่งดอกทิวลิป(Tulip) หรือที่เรียกว่าช่วง Tulip World จะมีช่วงกลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนเมษายน
- ทุ่งดอกเนโมฟีเลีย(Nemophila) หรือที่เรียกกันว่าช่วง Nemophila Harmony จะมีช่วงปลายเดือนเมษายน – ปลายเดือนพฤษภาคม
เวลาเปิดปิดสวน 09.30–17.00 น. หยุดวันจันทร์ แต่จะมีบางช่วงเวลาเปิดทุกวัน อย่างที่ผมไปตอนทุ่งดอกโคเชีย วันจันทร์ก็เปิดนะ
เข้ามาในสวนไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรให้ซื้อทานนะ ไม่ต้องห่วงล้มละลายแน่นอนของกินเยอะมาก
สถานที่ที่ 2 ที่เป็นไฮไลท์ลองลงมาก็คือ Naeba Dragondola เมืองยูซาว่า (Yuzawa) คือต้องยอมรับจริงๆว่าตอนแรกไม่ได้นึกถึงที่นี่เลยครับเพราะว่าทุกคนก็พอรู้เนอะว่าแถวนั้นเค้าดังในเรื่องของลานสกี ก็ต้องเกี่ยวกับหิมะแน่นอน แล้วตอนที่ผมไปคือกำลังจะเข้าหน้าหนาวหิมะยังไม่มาแน่ๆ ก็เลยไม่ได้นึกถึง แต่พอดีไปเห็น Naeba Dragondola ผ่านตานี่แหละรีบเอาเข้ามาในลิสต์ที่ต้องมาในทันทีเลย
วิธีการเดินทางจาก UENO นั่ง Shinkansen Toki ไปลงที่สถานี ECHIGO-YUZAWA อย่าลืมใช้พาสไปจองที่นั่งนะ ใช้เวลาไปแค่ 76 นาที แล้วนั่งรวดเดียวถึงสถานีเลยไม่ต้องต่อรถไฟให้วุ่นวาย ลองสังเกตราคากันดูเนอะ เอาง่ายๆ แค่ไปที่นี่ที่เดียว จองตั๋วไปพร้อมจองที่นั่งก็ 6,000 กว่าเยนแล้ว ไปกลับ 12,000 กว่าเยน แล้วพาสนี้ซื้อมา 10,000 เยน คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มมั้ยหล่ะ
พอมาถึงสถานี ECHIGO-YUZAWA ออกมาจากสถานีก็เจอป้ายรถเมล์เลย ส่วนออกประตูไหนเจอรถเมล์นั้นไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเค้าจะมีป้ายเขียนบอกทางเลยว่า Naeba Dragondola ไม่หลงแน่นอน ออกมานั่งรถบัสเบอร์ 1 อีกประมาณ 40 – 50 นาที ไปยังหน้าโรงแรม Naeba Prince Hotel สุดสายรถบัสพอดี( ราคา 660 เยน ) ขากลับก็มาขึ้นรถบัสที่หน้าโรงแรมเหมือนเดิม
พอลงรถบัสมาแล้วก็เดินอีกหน่อยครับไปที่สถานีจำหน่ายตั๋วตามภาพนี้ ค่าบริการกระเช้า ไป-กลับ ผู้ใหญ่ราคา 2,200 เยน เด็กราคา 1,100 เยน พอจ่ายเงินเรียบร้อยก็ออกมาด้านนอกเพื่อรอขึ้นรถบัส เพื่อนั่งไปทางขึ้นกระเช้าอีกต่อนึง แต่บัสนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแล้วนะเพราะเป็นบริการของกระเช้าครับ
กระเช้าดรากอนโดร่าจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นประมาณต้นเดือนตุลาคม ถึง ต้นเดือนพฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 16.00 น.
Naeba Dragondola ที่นี่เคยได้การยอมรับว่าเป็น ” กระเช้าที่มีความยาวที่สุดในโลก ” โดยใช้เวลานั่งประมาณ 20 นาที ระยะทางประมาณ 5.5 กิโล นอกจากจะเป็นลานสกีแล้วที่นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนที่สวยงามมากจริงๆ นี่ขนาดผมไปตอนนั้นยังไม่เปลี่ยนสีมากเรียกว่าเปลี่ยนแค่ประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ได้มั้งยังรู้สึกประทับใจเลย ผมว่าจริงๆ ไฮไลท์เค้าไม่ได้อยู่ด้านบนเขาหรอกเพราะขึ้นไปก็แทบไม่มีอะไรเลย แต่เสน่ห์ของที่นี่ผมว่าตอนที่เราขึ้นกระเช้าระหว่างทางนี่แหละ ถ้าให้ผมเปรียบเทียบมันก็เหมือนเรานั่งอยู่บนเครื่องเล่นตามสวนสนุกแต่เป็นเครื่องเล่นที่พาเราไปชมธรรมชาติที่สวยงามนั่นเอง ใครไม่ชอบอะไรเสียวๆ ระวังนิดนึงนะ ตอนกระเช้าออกจากตัวอาคารนี่อย่างกับเครื่องเล่นในสวนสนุกจริงๆ เลย เสียววูบเลย 555
ส่วนใครหิวไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเตรียมของมาให้หนัก ข้างบนนี้มีอาหาร เครื่องดื่ม ขนมให้บริการอยู่เยอะ ราคาไม่แพงด้วย
อีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ประจวบเหมาะกับทริปนี้เพื่อนผมติดตามไปเที่ยวด้วย 1 ครอบครัว และเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก เพราะฉะนั้นต้องไม่พลาดสัญลักษณ์ประจำประเทศญี่ปุ่นที่ใครพูดถึงญี่ปุ่นก็ต้องนึกถึงสิ่งนี้ครับ ” ภูเขาไฟฟูจิซัง ” ยิ่งมีเจ้าพาส JR Tokyo Wide Pass นี้แล้วไม่มาดูฟูจิก็คงไม่ได้สินะ
การเดินทางจะต้องไปเริ่มต้นที่สถานี Shinjuku ครับ และอย่าลืมไป reserved seat จองที่นั่งอีกเช่นเคย ไม่งั้นเดี๋ยวไม่ได้นั่งไม่รู้ด้วยนะ นั่งไป 62 นาที เราจะต้องไปลงที่สถานี OTSUKI แล้วต่อรถไฟ Fujisan express หรือ Fujikyu Railway Rapid for KAWAGUCHIKO ใครใช้พาส Tokyo Wide Pass ผ่านฉลุย แต่ถ้าใครใช้ JR Pass พาสใหญ่จะต้องจ่ายเพิ่มนะ 1,140 เยน
ถ้าใครไปตรงกับวัน เสาร์ – ฮาทิตย์ จะมีรถไฟขบวนพิเศษสามารถนั่งรถไฟ LTD. Exp Narita Express ต่อเดียวไปถึงสถานี Kawaguchiko ได้เลยฮะ
ปล.ถ้าใครใชพาสใหญ่ JR Pass จะมีนายสถานีมาเก็บค่าโดยสารเพิ่มเหมือนข้างบนที่กล่าวมาครับ
ที่นี่ต้องยอมรับอย่างนึงว่ามาง่ายมาก และก็เป็นที่นิยมมากเช่นกัน คนจะเยอะมากครับโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์นี่อย่างหนักเลย ปัญหาที่ตามมาคือ ต่อคิดซื้อตั๋วบัสและต่อคิวขึ้นรถบัสนานมาก อันนี้ต้องทำใจ
และก็เนื่องจากว่าผมเดินทางออกจากโตเกียวมาช้า มาถึงที่นี่ประมาณ บ่าย 1 เห็นจะได้เพราะกว่าเด็กๆ จะตื่นก็เลยวางทริปหลวมๆ ไว้ ทั้งยังเป็นวันอาทิตย์ด้วยคำนวนเวลาแล้วคงเที่ยวได้ที่เดียวจริงๆ คือจุดที่ใครต้องเคยมาครับ นั่งรถบัสมาสุดสายเลย ก็สมอย่างที่หมายครับ เพื่อนผมได้เห็นฟูจิแบบเต็มอิ่ม เต็มตาเลยทีเดียว แนะนำถ้ามาลงจุดเดียวไม่ต้องซื้อบัสแบบ one day pass นะจ่ายเป็นเที่ยวถูกกว่า
เวลาผ่านไปเร็วมากประจวบกับเข้าหน้าหนาวแล้วพระอาทิตย์ตกเร็วกว่าปกติ ก่อนกลับหน้าสถานีก็เดินถ่ายรูปเล่นกันไปเรื่อยๆ เนอะรอเวลารถไฟที่เราจองกลับ
แถมอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน NIKKO ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นเมืองในจังหวัดโทะชิกิ ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวนานอยู่ประมารเกือบ 2 ช.ม. Tokyo Wide Pass สามารถใช้ได้เช่นกันและจองที่นั่งได้ด้วย
แต่เนื่องจาก Tokyo Wide Pass ใช้ได้แค่ 3 วันเนอะ Nikko ผมกลายมาเป็นวันที่ 4 ขอไปเที่ยวเมืองที่ได้การยอมรับว่าเป็นมรดกโลกซะหน่อย ดังมีคำขวัญที่ว่า ” NIKKO is NIPPON “ เป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าถ้าใครอยากมาดูความเป็นญี่ปุ่นที่แท้จริงนั้นต้องไม่พลาดเมืองนี้ฮะ
เนื่องจากที่พักผมใกล้กับ Asakusa พาสนี้เหมาะมากผมสามารถเดินไปถึงสถานี ASAKUSA(TOBU/SUBWAY) ได้เลย และเค้ามีจำหน่ายอยู่ตรงทางเข้าเลยครับ พาสมีอยู่ 2 แบบ คือ Nikko Pass All Area แบบ 4 วัน กับ Nikko Pass World Heritage Pass แบบ 2 วัน
ทริปนี้ผมใช้ Nikko Pass World Heritage Pass แบบ 2 วัน ผมไม่ได้กะเที่ยวโซนธรรมชาติ จะเน้นเที่ยวโซนวัดมากกว่าเพราะมีเด็กด้วยอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ผมไปเช้าเย็นกลับนะ ไม่จำเป็นต้องค้างแค่นั่งรถไฟไปกลับก็คุ้มค่าพาสแล้วครับ แถมพาสนี้ยังรวมไปถึงตั๋วรถบัสที่ขึ้นแบบไม่อั้นอีกด้วย พาสรถบัสแบบ one day ถ้าซือแยกก็ราคา 500 เยนละ พาสนี้ใช้เถอะคุ้มแล้ว
ที่ขึ้นรถบัสอยู่หน้าสถานีเลย จะบอกรายละเอียดหมดเลยครับว่าขึ้นป้ายนี้ไปที่ไหนบ้าง เอาจริงๆ นะให้ผมแนะนำ เดินไปดีกว่า รถบัสบางทีขึ้นไปไม่ได้นั่งแถมรถติดอีก ยังจะใช้เวลามากกว่าเดินอีก แล้วก็เดินไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ แต่ได้เดินเล่นดูขางทางไปเรื่อยๆ ผมว่าถ้ายังเดินไหวเดินเถอะ ดีกว่าโหนขาแข็งอยู่บนรถบัส
สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) เดินมาเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือจะเจอสะพานครับ หรือถ้าใครนั่งบัสก็มาลงที่ป้ายหมายเลข 7 ที่นี่เป็นที่รู้จักกันคือ “สะพานศักดิ์สิทธิ์” สมัยก่อนมีไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์ และเจ้านายชั้นสูงใช้เท่านั้น ตั้งอยู่บริเวณประตูทางเข้าศาลเจ้าและวัดนิกโก้ ได้รับการจัดอันดับให้ติด 1 ใน 3 ของสะพานที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ใครมาเที่ยววัดแถวนิกโก้ แล้วพกรถเข็นเด็กมาต้องทำใจนะ เพราะทางเดินเข้าวัดจะเป็นถนนกรวดเม็ดเล็กๆ จะเข็นรถเข็นยากมาก แล้วยิ่งบันไดหินทางเข้าวัดต่างๆ บอกเลย อุ้มลูกหรือให้เค้าเดินเองดีกว่าฮะ
ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นตามหลักศาสนาชินโตและศาสนาพุทธ อาคารแต่ละหลังจะสร้างมาจากไม้ลงลายสีทอง แกะสลักอย่างสวยงามตามแบบญี่ปุ่น ที่นี่คือศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดามรดกโลกทั้งหมดในเมืองนิกโกะ เป็นที่ประดิษฐาน โทคุงะวะ อิเอะยะสุ โชกุนท่านแรกของตระกูลโทคุงะวะในสมัยเอโดะ
เปิดทุกวัน 8.00 – 17.00 น. ไม่สามารถเข้าได้ก่อนปิด 30 นาที
ค่าเข้า ศาลเจ้า 1,300 เยน / พิพิธภัณฑ์ 1,000 เยน / ศาลเจ้า+พิพิธภัณฑ์ 2,100 เยน
ค่าเข้าโหดอยู่นะ
แวะทานขนมหน้าวัดซะหน่อย ชิ้นนิดเดียวแต่แอบแพงนะ
ศาลเจ้าฟูตาราซัง (Futarasan Jinja) เป็นศาลเจ้าชินโตในเมืองนิกโก จังหวัดโทจิงิ มักเรียกกันว่า ศาลเจ้านิกโกฟูตาราซัง เป็นสถานที่สักการะเทพเจ้า 3 องค์ คือ โอกูนินูชิ ทาโงริฮิเมะ และอาจิซูกิตากาฮิโกเนะ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1310 ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในรายชื่อเดียวกับศาลเจ้านิกโกโทโชและวัดรินโนภายใต้ชื่อว่า “ศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโก” ภายในศาลเจ้าเป็นสถานที่เก็บรักษาดาบสองเล่มซึ่งจัดว่าเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น
( ไม่เสียค่าเข้า )
วัดไทยูอิน (Taiyuin Temple) วัดนี้มีความสำคัญที่เป็นสุสานของอิเอะมิซึ โชกุนคนที่สามของตระกูลโทคุกาวา ซึ่งเป็นหลานชายของอิเอะยาสุ ภายในวัดไทยูอินมีการตกแต่งคล้ายกับศาลเจ้าโทโชกุ มีการประกับและแกะสลัก ลงลวดลายด้วยสีทอง ดำ แดง น้ำเงิน ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดไทยูอินจะผสมผสานความเชื่อทางศาสนาชินโต และ ศาสนาพุทธ
เปิดทุกวัน 8.00 – 17.00 น. ไม่สามารถเข้าได้ก่อนปิด 30 นาที
ค่าเข้า 550 เยน
ก่อนกลับแนะนำร้านขนมอร่อยกันหน่อย พุดดิ้งโคตร ไอติมพุดดิ้งก็เลิศ ไม่แปลกใจทำไมคนต่อคิวกันเยอะ พิกัด ถ้าขวามือคือสะพานชินเคียว เดินมาประมาณ 2-300 เมตรได้ ร้านจะอยู่ขวามือเลย
Nasu no Rusk Yasan Nikko ร้านไอติมโฮมเมดที่อยากให้ลอง พิกัดอยู่ตรงข้ามเยื้องๆ ร้านพุดดิ้งนั่นแหละ
ถ้าสังเกตกันจริงๆ ในรีวิวนี้ทั้งหมดผมไปเช้าเย็นกลับทุกที่เลยฮะ เพราะสถานที่เที่ยวไม่ได้ไกลจากโตเกียวมากนัก แล้วการเดินทางก็สะดวกมาก อีกทั้งมีเด็กไป 2 คนจะลากกระเป๋าไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างลำบากนิดนึง ผมเลยตัดสินใจพักโรงแรมเดียวในโตเกียวนี่แหละ 7 คืนรวดเลย
ถ้าให้พูดถึงค่าใช้จ่ายหลักๆ ในการไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น 2 อันดับแรก ก็คือ
1. ตั๋วเครื่องบิน ถ้าเราได้สายการบินดีๆ ราคาโปรถูกๆ เราก็จะเหลือเงินช๊อป เงินกิน ได้เยอะเลย
2. โรงแรม ที่พัก ถ้าเราคอยเช็ค คอยดู ราคาบ่อยๆ เราก็จะเจอราคาดีๆ แน่นอนครับ แถมยังเหลือเงินอีกเยอะไว้ให้ทำอย่างอื่นได้อีกเพียบ
โรงแรมใจกลางโตเกียวคืนละ 712 บาท/คน/คืน มีอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ + แช่ออนเซ็น ได่ไม่อั้น !!!!
ใช่ฮะ อ่านกันไม่ผิดและตาก็ไม่ได้ฝาดกันด้วย ราคานี้จริงๆ ผมจองไป 7 คืน เป็นเงิน 34,380 เยน คูณกับเงินที่ผมแลกไปเรท .29 ทั้งหมด 7 คืนตีเป็นเงินไทย 9,970 บาท/ 2 คน แถมยังมีลูกนอนด้วยอีก เป็น 3 คนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
หลายคนสงสัยกันใช่มั้ยว่า ผมทำไมจองได้ถูกจัง ??? จองที่ไหน ??? แอพอะไร ??? บอกตรงๆ เพิ่งลองใช้แอพ http://www.hotelscombined.co.th นี้เหมือนกันกับทริปล่าสุดเนี้ย และก็รู้ว่ามันสะดวกจริงๆ จุดประสงค์ของแอพนี้หลักๆ ก็คือ แอพนี้เปรียบเสมือนศูนย์กลางของเอเจนซี่ที่รวบรวมเอเจนซี่ไว้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Booking.com Agoda Expedia และยังมีเอเจนซี่อื่นๆ อีกมากมายระดับแนวหน้าของโลก มาไว้รวมกันภายในแอพเดียวเลย
ข้อดีก็คือ เราสามารถเข้าแอพ HotelsCombined เพียงแอพเดียวก็สามารถเช็คราคาที่ถูกที่สุด และดีที่สุด ว่าเวลานั้นที่เราจะจองที่พักเอเจนซี่ไหนราคาถูกที่สุด แอพนี้จะประมวลให้เราเห็นเลยจ้า ไม่ต้องไปเข้าทีละแอพที่ละเอเจนซี่
ใครสนใจแอพนี้ อยากใช้แอพนี้สามารถเข้าไปดาวโหลดได้ที่ลิ้งค์นี้เลย >>> https://bit.ly/2P2Ynzb
พูดแล้วอาจจะ งง เนอะ พาไปชมคลิป VDO ที่ผมแนะนำตัวโรงแรมนี้กับวิธีการจองแบบง่ายๆ ว่าทำไม๊ ทำไม จองโรงแรมได้ราคาถูกจัง มาให้ชมกันดีกว่า
เปรียบเทียบราคาให้เห็นๆ เลย ตอนผมจองไป 2 ห้อง ราคา 68,760 เยน เป็นเงินไทย 20,066 บาทสำหรับ 2 ห้อง จะตกห้องละ 10,033 บาท พออีกวันนึงผมลองเข้าไปเช็คราคาโรงแรมเผื่อเจอถูกกว่าจะได้ยกเลิกของเก่า เห้ยยย !!! 7 คืน 18,522 บาท/ห้อง แพงขึ้นเกือบเท่าตัวเลย ( ตอนเช็คราคาเช็คแบบห้องเดียว ) นี่ถ้าไม่ได้ใช้แอพรวมทั้งหมดมัวแต่นั่งเข้าทีละแอพอาจจะไม่โชคดีได้ราคาถูกแบบนี้ก็ได้นะ ประหยัดไปตั้ง 8,000กว่าบาทแหนะ
โรงแรมใจกลางโตเกียว แต่ราคาถูกยิ่งกว่า Hostel หรือนอน Capsule อี๊ก !!! APA Hotel Asakusa-Kuramae
– ห้องส่วนตัว ( ไม่ต้องนอนรวมกับคนอื่น )
– ห้องน้ำส่วนตัว ( ไม่ต้องใช้ห้องน้ำรวมกับคนอื่น )
– มีบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า
– แถมยังมีออนเซ็นให้แช่ไม่อั้นอี๊ก !!!
ภายในห้องมีอุปกรณ์ให้ครบ มี Wifi ให้ใช้ มีห้องน้ำในตัวด้วย ขนาดห้องก็เล็กกระทัดรัดตามแบบฉบับโรงแรมในโตเกียวแหละ ตรงข้ามมี 7-eleven ไม่ต้องกลัวอดตาย
ตัวโรงแรมอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Kuramae Station แค่ 100 เมตร ( นั่งรถไฟใต้ดินไป 2 สถานี ขึ้นมาก็เจอตึกม่วง กับตลาด Ameyoko เดินไป Ueno ได้ใกล้ๆ กัน)
จากโรงแรมเลี้ยวขวาประมาณ 750 เมตร ถึงสถานีรถไฟ Asakusa นั่งไป 3 สถานีก็ถึง Ueno Station
ห้องขนาดเล็กกระทัดรัดตามสไตล์ของโรงแรมใจกลางกรุงของญี่ปุ่น
ห้องเล็กจิ๋วแต่แจ๋ว มีอุปกรณ์จำเป็นให้ใช้เยอะแยะแบบครบครัน
มีชาเขียวเติมให้ดื่มทุกวัน
ของใช้ภายในห้องน้ำให้มาจัดเต็มและครบกว่าโรงแรมในไทยบางแห่งซะอีก
ออนเซ็นชั้น 12 ให้ใช้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้งสามารถไปใช้บริการได้ตลอด มีทั้งบ่อแช่แแบบ indoor และ outdoor
สำหรับอาหารเช้าของที่นี่เป็นบุฟเฟ่ต์ฮะ ที่ตักทานได้ไม่อั้น แต่ว่าไอเท็มต้องบอกก่อนเลยว่าไม่เยอะ แต่ว่าอร่อย มีอาหารสไตล์แบบญี่ปุ่นทั่วไป น้ำซุป ข้าว แกงกะหรี่ ผักสลัด น้ำผลไม้เป็นพวกน้ำส้ม ชา กาแฟ มีพร้อม ข้อเสียคือ ผมพักที่นี่ 7 คืน อาหารเหมือนกันทุกวันเลย แต่ข้อดีคือ ผมทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อเลยแฮะ
สรุปปิดท้าย
ประเทศญี่ปุ่นยังไงก็ยังเป็นประเทศในฝันและเป็นประเทศขวัญใจของคนไทย วัดได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยตอนนี้หลั่งไหลเข้าไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่องๆ ทั้งท่องเที่ยว ทั้งช็อปปิ้ง ทั้งของกิน ใครไม่ไปญี่ปุ่นต้องบอกเลยว่าเชยแล้วนะ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแรงดึงดูดสูงมากใครไปแล้วต้องอยากกลับไปอีก เพื่อนผมถึงขั้นเอากลับมานอนฝันเลยทีเดียว 5555 และเดี๋ยวนี้สบายมากขึ้นเยอะเพราะไม่ต้องขอวีซ่าละ แถมยังมีโปรสายการบินราคาถูกออกมาเรื่อยๆ เลย ไม่เว้นแม้กระทั่งที่พัก โรงแรม ก็มีการแข่งขันมากด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกให้ดีครับ หาตั๋วโปรเครื่องดีๆ ราคาถูกๆ พร้อมกับหาที่พัก โรงแรม ได้ในราคาถูกเข้าไปด้วย ทริปนั้นจะทำให้เพื่อนๆ มีเงินเหลือกิน เหลือช๊อป เหลือเที่ยวได้อีกเยอะเลยครับ
Comments
- Tags:
- APA Hotel,
- APA Hotel Asakusa,
- APA Hotel Asakusa-Kuramae,
- app HotelsCombined,
- Dragondola,
- ECHIGO-YUZAWA,
- fuji,
- Fujisan,
- Futarasan Jinja,
- Hotel Asakusa,
- Hotel japan,
- HotelsCombined,
- japan hotel,
- JR Tokyo Wide Pass,
- Kawaguchiko,
- Kochia,
- Kochia Carnival,
- Kuramae Station,
- Naeba,
- Naeba Dragondola,
- Naeba Prince Hotel,
- Nasu no Rusk Yasan Nikko,
- Nikko,
- Nikko Pass,
- Nikko Pass World Heritage Pass,
- Nikko World Heritage Pass,
- Shinkyo Bridge,
- Taiyuin Temple,
- Tokyo Pass,
- Tokyo Wide Pass,
- Toshogu Shrine,
- travel fuji,
- Yuzawa,
- กระเช้าที่มีความยาวที่สุดในโลก,
- คาวากูชิโกะ,
- จังหวัด Ibaraki,
- ที่พักญี่ปุ่น,
- ที่พักญี่ปุ่นราคาถูก,
- ที่พักอาซากุสะ,
- ที่พักอาซากุสะราคาถูก,
- ที่พักอาซากุสะราคาไม่แพง,
- ที่พักโตเกียว,
- ที่พักโตเกียวราคาถูก,
- ที่พักโตเกียวราคาไม่แพง,
- ที่พักใกล้รถไฟ,
- ทุ่งดอกโคเชีย,
- นิกโก้,
- นิกโกะ,
- บุฟเฟ่ต์โรงแรม,
- ฟูจิ,
- ฟูจิซัง,
- ภูเขาไฟฟูจิ,
- วัดนิกโก้,
- วัดนิกโกะ,
- วัดไทยูอิน,
- ศาลเจ้าฟูตาราซัง,
- ศาลเจ้าโทโชกุ,
- สะพานชินเคียว,
- ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค,
- ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค จังหวัด Ibaraki,
- เที่ยวนิกโก้,
- เที่ยวนิกโกะ,
- เที่ยวฟูจิ,
- เมืองยูซาว่า,
- โรงแรมญี่ปุ่น,
- โรงแรมญี่ปุ่นราคาถูก,
- โรงแรมอาซากุสะ,
- โรงแรมอาซากุสะราคาถูก,
- โรงแรมอาซากุสะราคาไม่แพง,
- โรงแรมโตเกียว,
- โรงแรมโตเกียวราคาถูก,
- โรงแรมใกล้รถไฟ,
- โรงแรมใจกลางโตเกียว