Dusit Thani Hua Hin ( ดุสิตธานี หัวหิน )

กันยายน 30, 2017

ถ้าให้ผมเปรียบเทียบระหว่างทะเลพัทยา กับ หัวหิน คำถามที่เจอประจำคือไปทะเลไหนดี ? สำหรับผมนะ ถ้าให้เทียบทะเลพัทยาคือสวรรค์แห่งแสงสี ทะเลหัวหินก็คือสวรรค์ของการพักผ่อน ถึงแม้ว่าทะเลพัทยาจะเริ่มมีโรงแรมเกิดใหม่ ที่อยู่ไกลจากแสงสีของพัทยาออกไปเพื่อการพักผ่อนที่แท้จริง แต่หัวหินก็คือหัวหิน ทะเลและมนต์เสน่ห์ของความเป็นหัวหินก็ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่ดีแหละ

แล้วที่พักโรงแรมไหนที่เหมาะและถ่ายทอดความเป็นหัวหินได้ดีหล่ะมีมั้ย ? ที่แรกที่ผมนึกถึงเลยคือที่ ดุสิตธานี หัวหิน เพราะการตกแต่งของเค้านี่แหละที่ทำให้เรารู้จักความเป็นหัวหินจริงๆ หัวหินสมัยก่อนเป็นที่นิยมมากสำหรับเจ้าขุนมูลนายที่จะมาพักตากอากาศและมาสร้างบ้านด้วยสถาปัตยกรรมที่มองปุ๊บก็ต้องรู้เลยว่า อ้อ นี่แหละหัวหินหล่ะ

สำหรับใครที่ชอบพักโรงแรมแบบความเป็นหัวหินและสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ต้องไม่พลาดที่นี่ เพราะอยู่คู่หัวหินมากว่า 30 ปีแล้ว

โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ตกแต่งสถาปัตยกรรมแบบไทย สมัยรัชกาลที่ 6 ผสมผสานแบบฝั่งยุโรป ภายในตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นคลาสสิค กับพื้นที่กว่า 112 ไร่ มีห้องพักทั้งหมด 296 ห้อง

การเดินทางมาที่นี่ไม่ยากครับ ง่ายซะด้วยซ้ำเลยชะอำมาหน่อย จะอยู่ซ้ายมือ ก่อนถึงตัวเมืองหัวหิน

เข้ามาชมล็อบบี้กันก่อน ที่ที่เป็นหน้าต่างบานแรกของทุกโรงแรม แค่นี้ก็เห็นถึงสถาปัตยกรรมและความเป็นดุสิตกันแล้ว ตัวล็อบบี้กว้างมากมาย ให้นั่งเล่นเย็นๆ สบายๆ

มุมนี้ตรงล็อบบี้จะเป็นรูปภาพแสดงถึงการเสด็จมาเยือนโรงแรมดุสิตธานีแห่งนี้ทุกพระองค์

พาโฉบมาดูห้องพักกันก่อนดีกว่าเนอะ ห้องนี้เป็นห้องที่ผมพัก Club Suite ( คลับ สวีท ) มีขนาดที่กว้างมากถึง 75 ตร.ม. แบ่งออกเป้นสัดส่วนมาก ทั้งห้องนั่งเล่นและที่นั่งทำงาน ห้องนอน และห้องน้ำ

พื้นที่ในห้องน้ำนี่แทบจะเท่ากับห้องนอนเลย มีอ่างให้ด้วย

อเมนิตี้ก็ครบ หอมใช้ได้เลยทีเดียว

จากห้องของผมก็สามารเปิด connect กับอีกห้องได้ด้วยครับ ทริปนี้ผมเลยพาพ่อแม่ไปเที่ยวด้วย ไปมาหาสู่กันระหว่างห้องบอกเลยสะดวกมาก และมีห้องนั่งเล่นส่วนกลางไว้นั่งคุย นั่งพักผ่อนกันพอดีเลย

Dusit Suite ( ดุสิต สวีท ) ห้องนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่บนตึกสูง ไม่ได้เห้นวิวทะเลจกด้านบน แต่จุดเด่นของห้องนี้ก็คือ อยู่ติดกับหาดเลยจ้า เห็นวิวทะเลแบบใกล้ชิดเกิน แยกห้องเป็นสัดส่วนเช่นเคย เริ่มต้นที่ห้องรับแขกคือให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านผู้ดีสมัยก่อนคลาสสิคสุดๆ

วิวห้องนอนก็ทะเลไม่แพ้กันอาจจะวิวดีกว่าห้องรับแขกด้วยซ้ำ

แต่ห้องน้ำผมกลับชอบห้องน้ำที่ผมพักมากกว่าแฮะ แต่จริงๆ ก็คล้ายกันแหละ

ต่อไปมาดูไฮไลท์ของที่นี่กันแทบจะเป็นไฮไลท์ของทุกโรงแรมเลยกว่าได้นะเจ้าสระว่ายน้ำเนี้ย แต่ของที่นี่เค้าเรียกว่าน้ำ 3 สี ถ้ามองจากตรงนี้จะเห้นได้ชัดเลย เค้าคงเน้นสระบ่ายน้ำจริงๆ แหละ เพราะดูขนาดก็รู้ สระอยู่ติดกับหาดเลย

สระว่ายน้ำของเด็กก็มีดีเทลเล็กๆ สำหรับน้องๆ หนูๆ ด้วย เติมสีสันด้วยเจ้าสไลด์เดอร์ตัวน้อย

ศาลาทิพย์ พูลไซด์เทอร์เรซ

เป็นจุดบริการเครื่องดื่มและอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ ครับ ไว้รองรับแขกที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำ

ตรงสระว่ายน้ำมีจากุชชี่ด้วยนะ

เลยจากสระว่ายน้ำมาหน่อย มาทางหน้าหาดก็จะมีเหมือนชายหาดส่วนตัว ทรายขาวละเอียดกับทะเลสวยๆ แต่มุมนี้ต้องปล่อยให้ต่างชาติเค้าหล่ะเพราะคนไทยคงร้อนจนทนไม่ไหว

ห้องอาหาร ริมทะเล

เป็นห้องอาหารที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวเพราะต้องเดินข้ามสะพานไป แต่ถือว่าเป้นห้องอาหารเดียวของที่นี่ที่ใกล้ชิดทะเลมากที่สุดครับ สำหรับใครที่อยากทานอาหารริมทะเลแบบจริงๆจังๆ ต้องที่นี่เลยฮะ

จากห้องอาหารนี้มองย้อนกลับมาก็จะเห็นตัวโรงแรมดุสิตที่มีบึงอยู่ด้านหน้า จะกลางวันหรือกลางคืนก็คลาสสิค

Dusit Club Lounge

สำหรับใครที่จองห้องพักในตระกูลที่มีคำว่าคลับหรือสวีทต่างๆ สามารถมาเช็คอิน และมาใช้บริการของเล้าจน์นี้ได้ตั้งแต่เวลา เปิดบริการตั้งแต่ 10.30 – 22.30 น.

คลับเล้าจน์นี่ดียังไงหรอ ? เอาจริงๆ นะ ถ้าให้ผมแนะนำจองห้องแบบที่เข้าคลับเล้าจน์ได้เถอะ ยอมจ่ายแพงอีกนิดหน่อย แต่สิ่งที่คุณได้มามันคุ้ม เพราะ มีขนม เครื่องดื่ม soft drinks ,ชา กาแฟ น้ำผลไม้ให้บริการตลอดทั้งวัน

ช่วงบ่ายมี Afternoon tea และเครื่องดื่มแบบบุฟเฟ่ต์สั่งได้ไม่อั้น

ช่วงเย็น 17:30–19:30 น. ก็มีเครื่องดื่ม wines, beers, spirits and mixers หรือเครื่องดื่มต่างๆ พร้อมกับอาหารที่สามารถตักและสั่งได้แบบไม่อั้น

เช็คอินได้ตอน 10 โมง เช็นเอ้าท์ได้ตอน 4 โมงเย็น

ได้ใช้ห้อง Exclusive Club สำหรับทานอาหารเช้า

ซื้อ 1 แถม 1 สำหรับ Devarana Spa

ฟรี 1 ครั้งสำหรับรถไปรับส่งที่ตัวเมืองหัวหิน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00น.

เพราะอย่างนี้ผมถึงแนะนำว่าจ่ายเพิ่มเถอะ ถ้าคุณลองบวกลบคูณหารกับว่า คุณจะออกไปหาทานเองกับเพิ่มราคาอีกนิดแต่มาใช้บริการพวกนี้ มันคุ้มค่ากว่าเห็นๆ

ห้องอาหารซาน มาร์โค

เป็นห้องอาหารอิตาเลี่ยน เพราะฉะนั้นการตกแต่งต้องมีความเป็นอิตาลีอย่างแน่นอน ที่นี่คืนวันพุธ ( วันที่ผมเข้าพัก ) ช่วงดินเนอร์ จะมี ” พาสต้า แฟคตอรี่ ” เป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ ที่มีอาหารที่หลากหลาย และมีมุมพาสต้าแบบปรุงจานต่อจานให้ได้สั่งและลิ้มลองกันแบบไม่ยั้งเลยทีเดียว